แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานตำรวจตั้งจุดตรวจและเรียกจำเลยที่ขับรถเพื่อจะผ่านจุดตรวจให้หยุดรถเพื่อตรวจการที่จำเลยไม่ยอมหยุดรถและขับผ่านจุดตรวจสกัดหลบหนีไป เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการหลบหนี เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ การกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
จำเลยใช้รถยนต์เก๋งเป็นยานพาหนะในการกระทำความผิดฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าอากร รถยนต์เก๋งจึงเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการขนของที่มิได้เสียค่าภาษีซึ่งต้องริบตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 32
การที่จำเลยนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรตามกฎหมาย และมีบุหรี่จำนวนเดียวกันนั้นโดยมิได้ปิดอากรแสตมป์ยาสูบในวันเวลาเดียวกัน เป็นการกระทำที่มีเจตนาในผลของการกระทำอย่างเดียวกัน คือหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรและปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมายแม้จะผิดต่อกฎหมายหลายบท ก็เป็นการกระทำกรรมเดียว
คดีที่ไม่มีผู้นำจับต้องจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้กระทำความผิดร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 8 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 4, 24, 44, 50 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 138 ริบของกลาง และจ่ายรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก มาตรา 138 วรรคแรก) พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509 มาตรา 24 (ที่ถูก มาตรา 24 วรรคหนึ่ง), 50 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีอากร ปรับ 115,896 บาท ฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ จำคุก 4 เดือน และปรับ 1,000 บาท ฐานมีบุหรี่ต่างประเทศโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ปรับ 119,448 บาท รวมจำคุก 4 เดือน และปรับ 236,344 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 118,172 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 1 ปี ริบบุหรี่ต่างประเทศของกลาง ไม่ริบรถยนต์เก๋ง แผ่นรองกระสุนปืน 3 แผ่น กับหัวกระสุนปืน 2 หัว ของกลาง โดยให้คืนรถยนต์เก๋งแก่เจ้าของ จ่ายรางวัลอัตราร้อยละยี่สิบห้าแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับ ตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 7, 8
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 คงลงโทษจำเลยฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลดโทษแล้ว รวมปรับ 117, 672 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาว่า จำเลยมีความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามฟ้องว่า ดาบตำรวจมารีน กับพวก เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรศรีสาคร ตั้งจุดตรวจสกัด และเรียกให้จำเลยที่ขับรถเพื่อจะผ่านจุดตรวจสกัดดังกล่าวหยุดรถเพื่อตรวจ แต่จำเลยไม่ยอมหยุดรถและขับรถวิ่งผ่านจุดตรวจสกัดของดาบตำรวจมารีนกับพวกหลบหนีไป ดังนี้ การที่จำเลยไม่ยอมหยุดให้ตรวจค้นและขับรถผ่านจุดตรวจสกัดหลบหนีไปเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการจะหลบหนี เมื่อข้อเท็จจริงตามฟ้องไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้ การกระทำของจำเลยจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
ประการต่อไปมีว่า รถยนต์เก๋งของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีอากรอันพึงริบหรือไม่ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ต่อเนื่องจากความผิดฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีอากร และบรรยายฟ้องตอนท้ายว่าเจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์เก๋งที่จำเลยใช้เป็นยานพาหนะ ในการกระทำความผิด ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าจำเลยใช้รถยนต์เก๋งเป็นยานพาหนะ ในการกระทำความผิดฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีอากร และฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ เมื่อฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีอากร รถยนต์เก๋งจึงเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการขนของที่มิได้เสียค่าภาษีหรือที่ต้องจำกัดหรือต้องห้าม ซึ่งต้องริบตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 32
อนึ่ง จำเลยลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศที่ยังมิได้เสียค่าภาษีและยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรและโดยเจตนาจะฉ้อค่าภาษี และในวันเวลาเดียวกันนั้นจำเลยมีบุหรี่จำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามพระราชบัญญัติยาสูบ ดังนี้ การที่จำเลยนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรตามกฎหมายและมีบุหรี่จำนวนเดียวกันนั้นโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบในวันเวลาเดียวกันเป็นการกระทำที่จำเลยมีเจตนาในผลของการกระทำเป็นอย่างเดียวกัน คือการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ต้องเสียภาษีศุลกากรและปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย แม้การกระทำของจำเลยจะผิดต่อกฎหมายหลายบทก็เป็นการกระทำโดยเจตนาเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว และที่ศาลล่างทั้งสองจ่ายรางวัลอัตราร้อยละยี่สิบห้า แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับก็เป็นการไม่ถูกต้องเช่นกัน เนื่องจากคดีนี้ไม่มีผู้นำจับซึ่งพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 8 วรรคสอง ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งจับกุมผู้ทำผิดร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับ
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานลักลอบนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามา ในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีอากรและฐานมีบุหรี่ต่างประเทศโดยมิได้ ปิดแสตมป์ยาสูบ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปรับ 115,896 บาท เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ 57,948 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบรถยนต์เก๋งของกลาง คืนแผ่นรองกระสุนปืน 3 แผ่น กับหัวกระสุนปืน 2 หัว ของกลางแก่เจ้าของ จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับร้อยละยี่สิบของราคาบุหรี่ต่างประเทศของกลางที่ศาลสั่งริบตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 7 และ 8 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9