คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9136/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 307 ซึ่งตามวรรคสองกำหนดไว้ว่าคำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด ดังนี้ แม้จำเลยจะฎีกาในปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนก่อนมีคำสั่งเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและยกคำร้องของจำเลยก็เนื่องจากพิจารณาคำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะต้องตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามมาตรา 307 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4มีคำพิพากษาเป็นประการใดแล้วย่อมเป็นที่สุด จำเลยจะฎีกาต่อมาหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่ 30 ตุลาคม 2540 ต่อมาจำเลยทั้งหกผิดนัดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 744 เลขที่ดิน 47 ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พร้อมโรงภาพยนตร์ไม่ปรากฏเลขทะเบียน 1 หลัง

จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ประกอบกิจการอุตสาหกรรมพาณิชยกรรมเกษตรกรรมจากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ประกอบกับเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น จำเลยที่ 2 มีความตั้งใจจะนำรายได้จากการประกอบกิจการในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว มาชำระหนี้ให้โจทก์ไม่ต่ำกว่าปีละ 2,000,000 บาท หากต้องขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ไปแล้วจะทำให้จำเลยที่ 2 เดือดร้อน จึงขอให้ศาลตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการทรัพย์รายนี้

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2ประกอบกิจการใดที่จะมีรายได้ประจำปีเพียงพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้จึงยกคำร้อง

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 ซึ่งตามวรรคสองของมาตรานี้กำหนดไว้ว่า คำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด ดังนี้ แม้จำเลยที่ 2จะฎีกาในปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนก่อนมีคำสั่งเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ก็เนื่องจากพิจารณาคำร้องของจำเลยที่ 2แล้วเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะต้องตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 307 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษาเป็นประการใดแล้วย่อมเป็นที่สุด จำเลยที่ 2 จะฎีกาต่อมาหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 มานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายกฎีกาของจำเลยที่ 2

Share