คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลมาไม่ครบหรือไม่ถูกต้องศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มให้ครบถ้วนได้การที่ศาลชั้นต้นมิได้เรียกค่าขึ้นศาลไว้ให้ครบเป็นการคลาดเคลื่อนและเป็นการผิดพลาดเฉพาะในเรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมศาลขาดแต่ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาอื่นๆหรือทำให้คำพิพากษาไม่มีผลบังคับแต่อย่างใด โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทจำเลยได้นำรถไถเข้าไปไถที่ดินและหว่านกล้าในที่ดินพิพาททั้งแปลงที่ดินพิพาทสามารถปลูกข้าวและปลูกพืชไร่ได้ตลอดทั้งปีซึ่งโจทก์ก็ได้เรียกค่าเสียหายจากจำเลยมาเป็นรายปีจำเลยก็เบิกความยอมรับว่าได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องแต่เพียงว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก็ย่อมมีความหมายว่าขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทคำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงไม่นอกเหนือหรือเกินคำขอท้ายฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนด จำเลยได้นำรถไถเข้าไปไถที่ดินดังกล่าว แล้วหว่านกล้าเต็มทั้งแปลง ที่ดินพิพาทสามารถปลูกข้าวและทำพืชไร่ได้ตลอดทั้งปี การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยขาดประโยชน์จากการให้เช่าขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 13,200 บาทตลอดไป จนกว่าโจทก์จะเข้าทำประโยชน์ในที่ดินของโจทก์ได้
จำเลยให้การว่า โจทก์มิใช่เจ้าของที่ดินตามฟ้อง จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและได้ครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาจนบัดนี้โจทก์ไม่เสียหายดังที่อ้างในฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินห้ามจำเลยและบริวารเข้าทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายปีละ 2,400 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดิน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่พิพาท โจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องการดำเนินคดีของโจทก์จึงไม่ชอบ ไม่อาจนำผลคดีมาบังคับจำเลยตามคำพิพากษาได้นั้น เห็นว่า หากโจทก์เสียค่าขึ้นศาลมาไม่ครบหรือไม่ถูกต้อง ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มให้ครบถ้วนได้ ทั้งการที่ศาลชั้นต้นมิได้เรียกค่าขึ้นศาลไว้ให้ครบเป็นการคลาดเคลื่อน ก็ทำให้ผิดพลาดเฉพาะในเรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมศาลขาด ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาอื่น ๆ หรือทำให้คำพิพากษาไม่มีผลบังคับแต่อย่างใด
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า คำขอท้ายฟ้องของโจทก์ระบุแต่เพียงว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวของโจทก์แต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินตามฟ้อง เป็นการนอกเหนือหรือเกินคำขอท้ายฟ้องและไม่อาจจะบังคับคดีแก่จำเลยได้นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยได้นำรถไถเข้าไปไถที่ดินและหว่านกล้าในที่ดินพิพาททั้งแปลง ที่ดินพิพาทสามารถปลูกข้าวและปลูกพืชไร่ได้ตลอดทั้งปี ซึ่งโจทก์ก็ได้เรียกค่าเสียหายจากจำเลยมาเป็นรายปีแล้ว และจำเลยก็เบิกความยอมรับว่า ได้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องแต่เพียงว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ก็ย่อมมีความหมายว่า ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงไม่นอกเหนือหรือเกินคำขอท้ายฟ้อง
พิพากษายืน

Share