คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7136/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระเบียบว่าด้วยหุ้นฯของจำเลยข้อ12ระบุว่าการคิดเงินปันผลตามหุ้นให้คิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นตามจำนวนเดือนเต็มและเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับภายในวันที่7ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้สำหรับเดือนนั้นส่วนเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับหลังวันที่7ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้ตั้งแต่เดือนถัดไปหมายความว่าจำเลยจะต้องคิดเงินปันผลตามหุ้นให้แก่สมาชิกตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นจะจ่ายให้แต่เฉพาะผู้ถือหุ้นอยู่ครบปีหรือจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่มีอยู่ณวันสิ้นปีทางบัญชีหาได้ไม่ ระเบียบว่าด้วยหุ้นฯของจำเลยข้อ9.1ระบุว่าในกรณีที่สมาชิกขาดสมาชิกภาพเพราะเหตุตายลาออกหรือขาดคุณสมบัติสหกรณ์จะจ่ายคืนค่าหุ้นแก่ผู้มีสิทธิได้รับโดยไม่มีเงินปันผลหมายความว่าระเบียบนี้ใช้เฉพาะสมาชิกของจำเลยที่ขาดสมาชิกภาพเท่านั้นโจทก์ไม่ได้ขาดสมาชิกภาพจึงนำมาปรับใช้กับกรณีของโจทก์ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์การธนกิจ โจทก์เป็นสมาชิกของจำเลย ในวันที่ 5 พฤศจิกายน2533 โจทก์ถือหุ้นเป็นเงิน 42,420 บาท ในวันดังกล่าวจำเลยส่งเงินค่าหุ้นของโจทก์ไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลตามหมายอายัดจำนวน 41,312 บาท ต่อมาที่ประชุมใหญ่มีมติให้จ่ายเงินปันผลแก่สมาชิกในปี 2533 ร้อยละ 13 ต่อปี โจทก์มีสิทธิได้รับเงินปันผลในเงินค่าหุ้นที่จำเลยส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลนับแต่วันที่ 1 มกราคม 2533 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2533เป็นเงิน 4,549.50 บาท และโจทก์ยังได้กู้ยืมเงินจากจำเลยโจทก์ชำระดอกเบี้ยแก่จำเลยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2533 ถึงวันที่31 ธันวาคม2 2533 รวม 12,827.50 บาท โจทก์มีสิทธิได้รับเงินเฉลี่ยคืนร้อยละ 6.5 ต่อปี คิดเป็นเงิน 833.75 บาทเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2534 จำเลยจ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนประจำปี 2533 แก่สมาชิก แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ คงจ่ายเงินปันผลเพียง 43.50 บาทโจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยปฏิเสธขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน5,383.28 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงิน 2 จำนวนตามฟ้องเนื่องจากจำเลยจะจ่ายเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนให้สมาชิกโดยยึดถือหุ้นทั้งหมดในวันสิ้นปีทางบัญชี คือวันที่ 31 ธันวาคมแต่ในวันที่ 31 ธันวาคม 2533 โจทก์ถือหุ้นอยู่เพียง 2,010 บาทซึ่งจำเลยได้จ่ายเงินปันผลในหุ้นส่วนนี้ให้โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินเฉลี่ยคืนแก่โจทก์ 833.75 บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนแก่โจทก์ 5,382.28 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยมีสิทธิที่จะไม่จ่ายเงินปันผลในเงินค่าหุ้นส่วนที่จำเลยส่งไปให้เจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลตามหมายอายัดหรือไม่ระเบียบว่าด้วยหุ้นของจำเลย พ.ศ. 2531 หมวด 4 เรื่องการจ่ายเงินปันผลตามหุ้น ข้อ 12 ระบุว่าการคิดเงินปันผลตามหุ้นให้คิดตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นตามจำนวนเดือนเต็ม วรรคสองระบุว่าเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับภายในวันที่ 7 ของเดือนสหกรณ์จะคิดเงินปันผลให้สำหรับเดือนนั้น ส่วนเงินค่าหุ้นที่สหกรณ์ได้รับหลังวันที่ 7 ของเดือน สหกรณ์จะคิดเป็นเงินปันผลให้ตั้งแต่เดือนถัดไป เห็นว่า ตามระเบียบดังกล่าว จำเลยจะต้องคิดเงินปันผลตามหุ้นให้แก่โจทก์ตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้น หมายความว่าหากปีใดมีการจ่ายเงินปันผล แม้สมาชิกถือหุ้นอยู่ไม่ครบปีจำเลยก็จะต้องจ่ายเงินปันผลตามส่วนแห่งระยะเวลาการถือหุ้นในปีที่มีการจ่ายเงินปันผล จำเลยจะถือว่าจะจ่ายเงินให้เฉพาะแต่ผู้ถือหุ้นอยู่ครบปีหรือจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นที่มีอยู่กับจำเลย ณ วันสิ้นปีทางบัญชีหาได้ไม่เพราะเป็นการขัดต่อระเบียบดังกล่าวของจำเลย โจทก์มีหุ้นอยู่กับจำเลยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2533 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2533โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเงินปันผลจากจำเลยในหุ้นที่โจทก์มีอยู่กับจำเลยในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามระเบียบว่าด้วยหุ้นของจำเลยข้อ 9.1 นั้น เห็นว่าระเบียบข้อบังคับดังกล่าวระบุว่าในกรณีที่สมาชิกขาดสมาชิกภาพเพราะเหตุตาย ลาออกหรือขาดคุณสมบัติ สหกรณ์จะจ่ายคืนค่าหุ้นแก่ผู้มีสิทธิได้รับโดยไม่มีเงินปันผล ระเบียบนี้ใช้เฉพาะสมาชิกของจำเลยที่ขาดสมาชิกภาพเท่านั้น แต่กรณีของโจทก์ โจทก์ไม่ได้ขาดสมาชิกภาพจึงนำมาปรับกับกรณีของโจทก์ไม่ได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะไม่จ่ายเงินปันผลให้แก่โจทก์ตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share