คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิ่งของที่ซื้อขายต้องถูกควบคุมอยู่ตาม กฎหมาย ผู้ซื้อและผู้ขายก็ทราบดีแล้วว่า การซื้อขายจะกระทำกันได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งไม่อนุญาตให้ผู้ขายขายแก่ผู้ซื้อผู้ซื้อก็ทราบแล้ว และยังได้วิ่งเต้นให้ผู้ขายขายสิ่งของนั้นแก่บุคคลอื่นอีก ถือได้ว่าผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงเลิกสัญญาซื้อขายกันแล้ว ภายหลังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต จะต้องสันนิษฐานว่าบุคคลกระทำการโดยสุจริต โจทก์จะอ้างความไม่สุจริตเพื่อหลอกลวงผู้อื่นขึ้นมาเป็นประโยชน์แก่ตนเองย่อมฟังไม่ขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาขายท่อเหล็กอาบสังกะสีจำนวนหนึ่งให้โจทก์ แต่ขณะทำสัญญาซื้อขาย ทางราชการควบคุมการจำหน่ายหรือยักย้ายสถานที่เก็บท่อเหล็กอาบสังกะสี จึงขัดข้องที่โจทก์จะขนไปในวันทำสัญญา โจทก์ได้ชำระราคาให้จำเลยบางส่วน และได้กำหนดเวลาไว้ 7 วัน ที่จะทำการส่งมอบของและชำระราคา โดยคาดหมายว่าจะเป็นเวลาเพียงพอที่จะขออนุญาตต่อทางราชการ ภายหลังทางราชการประกาศยกเลิกการควบคุมท่อเหล็กอาบสังกะสี จำเลยกลับไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญา หรือใช้ค่าเสียหาย
จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์จริง แต่เมื่อโจทก์จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อทางราชการ ๆ สั่งไม่อนุญาตการส่งมอบจึงกลายเป็นพ้นวิสัย ถือได้ว่าสัญญาซื้อขายระงับแล้ว
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยคืนเงินที่รับชำระไว้แล้วแก่โจทก์ส่วนข้อหาอื่นให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อสิ่งของที่ซื้อขายกันต้องถูกควบคุมอยู่ตามกฎหมาย โจทก์จำเลยก็ทราบดีอยู่แล้วว่า การซื้อขาย จะกระทำกันได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งไม่อนุญาตให้จำเลยให้โจทก์ ๆ ก็ทราบแล้ว และยังกลับไปวิ่งเต้นให้จำเลยเสนอขายสิ่งของนั้นแก่บุคคลอื่น ถือได้ว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญากันแล้ว ภายหลังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ที่โจทก์เถียงว่าที่กระทำไปนั้นเป็นแต่เปลี่ยนชื่อจำเลยออกหน้าแทนโจทก์ เพื่อให้ขายได้เท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฟังไม่ขึ้นเพราะต้องสันนิษฐาน ว่าบุคคลกระทำการโดยสุจริต โจทก์จะอ้างความไม่สุจริตเพื่อหลอกลวงผู้อื่นย่อมฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน

Share