คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่พิพาทเป็นที่ป่าเป็นของจำเลย จำเลยให้โจทก์บุกเบิกแล้วจำเลยได้ขายที่พิพาทนั้นให้แก่โจทก์
โจทก์ใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ ต่อมาจำเลยบุกรุกที่พิพาท ขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ดังนี้ คำฟ้องโจทก์มีสภาพแห่งข้อหาว่าโจทก์ใช้สิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาท ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหามีว่า จำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ แล้วโจทก์ได้ครอบครอง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธข้อกล่าวอ้างเหล่านี้ จึงเป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย ส่วนที่ว่าเดิมที่พิพาทเป็นที่ป่าหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี และไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
ทำสัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน โดยไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้จะเป็นโมฆะ แต่เมื่อผู้ขายโอนการครอบครองให้ผู้ซื้อ และผู้ซื้อได้ยึดถือครอบครองที่ดินนั้นเป็นเวลากว่า 4 ปี ดังนี้ การครอบครองของผู้ขายย่อมสุดสิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377, 1378 ผู้ซื้อย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดินนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่พิพาทเป็นที่ป่า เป็นของจำเลย จำเลยให้โจทก์บุกเบิกแล้วจำเลยขายที่พิพาทนั้นให้โจทก์ทำหนังสือกันเอง ต่อมาจำเลยได้บุกรุกที่พิพาท ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่พิพาท ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไป
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสจำเลยไม่มีอำนาจขายที่พิพาท จำเลยกู้เงินโจทก์ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นการอำพรางนิติกรรมกู้ยืม เมื่อครบกำหนดจำเลยไปขอไถ่ โจทก์ไม่ยอม ภริยาจำเลยครอบครองที่พิพาทไม่เคยละทิ้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นไม่วินิจฉัยประเด็นว่า เดิมที่พิพาทเป็นป่าผิดกระบวนพิจารณา และว่าสัญญาซื้อขายไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะโจทก์จำเลยต้องคืนสู่สภาวะเดิม โดยโจทก์ต้องคืนที่ดินให้แก่จำเลย จำเลยต้องคืนเงินให้แก่โจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์ปรากฏสภาพแห่งข้อหาว่า โจทก์ได้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาททำประโยชน์ และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยขายที่พิพาทให้โจทก์ แล้วโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาท เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธข้อกล่าวอ้างเหล่านี้ จึงเป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย ส่วนที่ว่าเดิมที่พิพาทเป็นป่าหรือไม่ มิใช่ประเด็นที่เกี่ยวกับสภาพแห่งข้อหาหรือที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาและไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย ไม่ผิดกระบวนพิจารณาส่วนเรื่องสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยโอนการครอบครองที่พิพาทให้โจทก์ และโจทก์เข้ายึดถือครอบครองเป็นเวลาหลายปีแล้ว การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลง โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่พิพาท
พิพากษายืน

Share