คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเสียหายฐานละเมิดนั้นเมื่อโจทก์สืบไม่ได้ว่าเสียหายเท่าไรแน่ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อสวนรายพิพาทที่ตำบลบางปรากดจังหวัดสมุทรปราการไว้จากนายสำอาง นางลออง แต่สวนนี้จำเลยที่ 1ได้เช่าไว้จากเจ้าของเดิม จำเลยที่ 1 ได้ทำผิดสัญญาเอาสวนไปให้เช่าช่วงโจทก์กับนางลอองเจ้าของเดิมฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุดให้ขับไล่จำเลยและบริวาร เมื่อระหว่างคดีนั้นอยู่ชั้นในชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 เริ่มแกล้วทำลายสวนโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อปล่อยให้น้ำเค็มไหลเข้าสวนอันผิดประเพณีการทำสวนทำให้ต้นไม้ตายไปมากแล้วจำเลยช่วยกันตัดต้นไม้ที่ตายหรือทรุดโทรมเอาไปขายหรือทำฟืน กับจำเลยได้สมคบกันทุบทำลายท่อระบายน้ำคอนกรีต ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 105,900 บาท

จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นผู้เช่าสวนรายพิพาทและแพ้คดีถึงที่สุดจริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ละเมิดทำให้เสียหายอย่างใด ต้นไม้ตายไปตามสภาพธรรมดาโจทก์คำนวนค่าเสียหายปราศจากหลักเกณฑ์ ท่อน้ำนั้นเจ้าของเดิมอนุญาตให้จำเลยทำใหม่

จำเลยที่ 2, 3, 4 ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยได้กระทำให้น้ำเค็มเข้าสวนพิพาทแล้วต้นไม้ตายไปในระหว่างที่จำเลยเช่าถือสวนต้องรับผิดฐานละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และโจทก์ควรได้รับค่าเสียหายเป็นเวลาเพียง 27 วันเท่านั้น พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เพียง 1,715 บาท

โจทก์อุทธรณ์ขอเรียกค่าเสียหาย 10,000 บาท กับขอเรียกค่าท่อระบายน้ำ 3,000 บาท รวม 13,000 บาท

จำเลยทุกคนอุทธรณ์ว่า ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คนเดียว และขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำบรรยายฟ้องของโจทก์ฐานละเมิดทำให้ต้นไม้ในสวนตาย ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 2, 3, 4 เกี่ยวข้องแก่จำเลยที่ 1 คนเดียว จำเลยที่ 2, 3, 4 ช่วยจำเลยที่ 1 เอาไปทำฟืนเท่านั้นซึ่งโจทก์ไม่ได้กำหนดราคาหรือนำสืบค่าเสียหายเรื่องต้นไม้ที่ตายไปแล้วเอาไปทำฟืนไว้เลย ถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงนอกฟ้องและฟังว่าจำเลยที่ 1 จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายจริงส่วนค่าเสียหายเชื่อคำนายดาบตำรวจสิงห์พยานโจทก์ว่าฝ่ายจำเลยเคยเสนอให้ 7,000 บาท ซึ่งโจทก์พอใจเห็นควรให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามนี้เรื่องท่อน้ำฟังว่าจำเลยได้รับอนุญาตจากเจ้าของเดิมให้รื้อถอนพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นให้จำเลยแต่ผู้เดียวใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 7,000 บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2, 3, 4

โจทก์ฎีกาเฉพาะเรื่องท่อระบายน้ำ ขอให้จำเลยทุกคนร่วมกันรับผิดใช้เงิน 3,000 บาท

จำเลยที่ 1 ฎีกา ขอให้ยกฟ้องโจทก์

ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของโจทก์เรื่องท่อน้ำฟังได้ว่าเจ้าของเดิมอนุญาตให้จำเลยที่ 1 รื้อเพื่อซ่อมแซมจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ทำละเมิดปล่อยให้น้ำเค็มเข้าสวนรายพิพาทจริง ส่วนค่าเสียหายนั้นโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าได้เสียหายเท่าไรแน่ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจศาลที่จะใช้ดุลยพินิจกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 โจทก์ควรได้รับเพียง 3,500 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่พอสมควรแล้ว

พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์3,500 บาท นอกนั้นยืน

Share