คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์กับนางหน่วงผู้ตายมิได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือนางหน่วงลงในสัญญากู้ แล้วนำสัญญากู้เอกสารสิทธิปลอมไปยื่นฟ้องต่อศาล ไม่ใช่จำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ในสัญญากู้นั้น โจทก์จึงไม่เป็นบุคคลได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง การที่โจทก์ถูกยึดทรัพย์เพราะการกระทำของจำเลย โจทก์ก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีในทางแพ่งได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 (4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๕ สมคบกันทำเอกสารสัญญากู้อันเป็นเอกสารสิทธิ โดยการพิมพ์จากนิ้วมือของผู้อื่นซึ่งมิใช่ลายมือนางหน่วง ปานนุ่น ลงในช่องผู้กู้เป็นลายพิมพ์นิ้วของนางหน่วง ปานนุ่น ผู้ตายอันเป็นภริยาของโจทก์แล้วนำสำเนาเอกสารสัญญากู้นั้นมายืนฟ้องจำเลยที่ ๕ เรื่องกู้ยืมต่อศาลจังหวัดปากพนัง และใช้อ้างต่อศาลด้วย เพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง เป็นเหตุให้ศาลจังหวัดปากพนังทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยให้จำเลยที่ ๕ ยอมใช้เงินให้จำเลยที่ ๑ ศาลได้พิพากษาตามยอม ต่อมาจำเลยที่ ๑ นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์โจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๘, ๘๓, ๘๔
ก่อนศาลจะมีคำสั่งเรื่องฟ้องโจทก์ ศาลได้สอบโจทก์ว่าโจทก์กับนางหน่วง ปานนุ่น ได้จดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ให้โจทก์นำหลักฐานมาแสดงโจทก์ยื่นคำแถลงว่าโจทก์กับนางหน่วง ปานนุ่น ผู้ตายได้เสียเป็นสามีภริยากันมาประมาณ ๒๐ ปี โดยมิได้จดทะเบียนสมรส ได้ครอบครองที่ดินซึ่งถูกจำเลยที่ ๑ นำยึดร่วมกันมา
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จึงมีคำสั่งไม่รับประทับฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์กับนางหน่วงผู้ตายได้เสียเป็นสามีภริยากันประมาณ ๒๐ ปี มานี้ ก็ตกราว พ.ศ. ๒๔๘๘ โดยมิได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นระยะเวลาภายหลังวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๗๘ ที่ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ แล้ว การสมรสที่ไม่จดทะเบียนจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือนางหน่วง ปานนุ่น ลงในสัญญากู้ แล้วนำสัญญากู้เอกสารสิทธิปลอมไปยื่นฟ้องต่อศาลไม่ใช่จำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วของโจทก์ในสัญญากู้ โจทก์จึงไม่เป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง การที่โจทก์ถูกยึดทรัพย์เพราะการกระทำของจำเลย โจทก์ก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีในทางแพ่งได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒ (๔) จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ พิพากษายืน

Share