คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขายที่ดินให้ผู้เสียหายโดยนำชี้ที่ดินแปลงอื่นว่าเป็นที่ดินตามโฉนดที่ซื้อขายกัน ซึ่งความจริงที่ตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกง และขอให้คืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปคืนแก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยก็ต้องคืนเงินให้ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น จำเลยก็ต้องดำเนินการตามสิทธิของจำเลยต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทุจริตนำที่ดิน 2 แปลง ของจำเลยไปหลอกขายฝากนางสุภา อยู่หุ่น และรับเงินไป 108,100 บาท โดยกล่าวคำเท็จหลอกลวงนำชี้ที่ดินแปลงอื่นให้นางสุภาหลงผิดว่า ที่ดินตามโฉนดเป็นที่ดินที่จำเลยนำชี้ ซึ่งความจริงที่ดินตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก จำเลยเคยต้องโทษ ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304, 72 กับคืนเงิน 108, 100 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม มาตรา 304 จำคุก3 เดือน เพิ่มโทษ 1 ใน 3 เป็นจำคุก 4 เดือน ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือน ข้อที่ให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหายให้ยกเสีย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน ข้อเพิ่มโทษนั้น เพิ่มไม่ได้ตาม พระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงจำคุก 9 เดือน และให้คืนหรือใช้เงิน 108,100 บาท

จำเลยฎีกา ศาลรับฎีกา เฉพาะข้อกฎหมายในเรื่องให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยฉ้อโกงเงินของผู้เสียหายไปก็ต้องคืนหรือใช้เงินให้แก่ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น ถ้าผู้เสียหายไม่โอนคืนให้จำเลย จำเลยก็ชอบที่จะดำเนินการไปตามสิทธิของจำเลย

พิพากษายืน

Share