คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9060/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 เฉพาะในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 199 ประกอบมาตรา 83 เพียงข้อเดียว ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 ต่างพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 ดังกล่าว โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 อีกไม่ได้ เพราะต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 เว้นแต่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณา หรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา หรืออธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 แต่โจทก์ร่วมฎีกาโดยไม่ปรากฏว่ามีผู้อนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ฎีกาของโจทก์ร่วมจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 199, 288 ริบไม้ท่อน ผ้าเช็ดตัว ถุงพลาสติก และเทปกาวของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานโจทก์และโจทก์ร่วมไปบ้างแล้ว จำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิม และให้การใหม่เป็นรับสารภาพข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 รับว่าใช้ท่อนไม้ตีผู้ตายจนถึงแก่ความตาย แต่กระทำไปโดยไม่มีเจตนาฆ่า
ระหว่างพิจารณา นางกิมเหลี่ยง มารดาของนายธงชัย ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิต ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 1 ปี คำให้การและทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่น หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 10 เดือน จำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 199 ประกอบมาตรา 83 โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288, 83 จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ตามมาตรา 199, 83 ส่วนความผิดอื่นฐานให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ประกอบมาตรา 83 จำคุกจำเลยที่ 1 รวม 2 ข้อหามีกำหนด 33 ปี 10 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ประกอบมาตรา 83 ข้อหาเดียวมีกำหนด 6 เดือน โจทก์ โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ โดยโจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 ตามฟ้อง จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า กระทำผิดโดยบันดาลโทสะ ส่วนจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่าโทษจำคุกสูงเกินไปและขอให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 ตามฟ้อง ส่วนโจทก์และจำเลยทั้งสองไม่ฎีกา ดังนี้ คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และจำเลยทั้งสองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ประกอบ 83 จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ดังกล่าว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมในชั้นนี้แต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 เฉพาะในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 199 ประกอบมาตรา 83 เพียงข้อเดียว ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 ต่างพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 ดังกล่าว โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 อีกไม่ได้ เพราะต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 เว้นแต่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณา หรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา หรืออธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แต่โจทก์ร่วมฎีกาโดยไม่ปรากฏว่ามีผู้อนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ฎีกาของโจทก์ร่วมจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ร่วมมานั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของโจทก์ร่วม

Share