คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 ผู้จัดการสาขาธนาคารจำเลยที่ 2 ให้สินเชื่อแก่โจทก์ร่วมอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ของธนาคารจำเลยที่ 2 และการที่จำเลยที่ 1 ให้โจทก์ลงชื่อในใบรับเงินในใบถอนเงิน โดยจำเลยที่ 1ไม่ได้จ่ายเงินนั้น เป็นการกระทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุควรเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจกระทำได้ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามหลักกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทน การจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ แม้จะจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบ แต่เมื่อไม่มีมูลหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อผู้รับจำนอง ผู้จำนองก็มีสิทธิขอให้ผู้รับจำนองจดทะเบียนปลดจำนองได้ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์โดยจำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์ จึงไม่ชอบที่จะให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา จำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขากระนวน ซึ่งเป็นสาขาธนาคารของจำเลยที่ 2 เมื่อระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน2525 จำเลยที่ 1 ได้ประกาศต่อญาติของโจทก์ทั้งเก้าและประชาชนว่าจำเลยที่ 2 มีนโยบายส่งคนไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียโดยจะได้รับเงินเดือนตามความสามารถ จำเลยที่ 1 จะรับหน้าที่ในการจัดหาบริษัทส่งคนไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียให้ ส่วนจำเลยที่ 2 จะรับหน้าที่จัดการทดรองจ่ายเงินค่าบริการในการจัดส่งคนไปทำงานในต่างประเทศให้ก่อน แต่ให้หาที่ดินมาจำนองเป็นประกันเมื่อถึงวันเดินทางไปต่างประเทศให้ผู้ที่จะไปทำงานมาเบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ได้ หากไม่ได้ไปทำงานภายใน 2 เดือน จำเลยทั้งสองจะปลดจำนองและคืนหนังสือสำคัญให้ โจทก์ทั้งเก้าและญาติหลงเชื่อ โจทก์ทั้งเก้า จึงได้จำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้กับจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 บอกว่า ให้ญาติของโจทก์ทั้งเก้าเบิกเงินรายละ 40,000 บาทจากจำเลยที่ 2 ไปเป็นค่าบริการจัดส่งคนงานได้ก่อนที่ญาติของโจทก์ทั้งเก้าจะไปทำงานต่างประเทศ ต่อมาญาติของโจทก์ทั้งเก้าทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้ไปติดต่อส่งคนงานกับบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ ทั้งปรากฏว่ากำหนดเวลาได้ล่วงเลยมาเกิน 2 เดือนแล้ว จำเลยที่ 1 ยังไม่สามารถจัดส่งญาติของโจทก์ทั้งเก้าไปทำงานได้ ญาติของโจทก์ทั้งเก้าจึงบอกเลิกสัญญาและขอคืนหลักทรัพย์ที่จำนอง จำเลยที่ 1 บอกว่าได้เอาเงินกู้ของโจทก์ทั้งเก้าที่กู้จากธนาคารชำระค่าบริการในการจัดส่งคนงานแล้ว โจทก์ที่ 5 เป็นหนี้ธนาคารจำเลยที่ 2สาขากระนวน จำนวน 35,000 บาทส่วนโจทก์ที่เหลือยกเว้นโจทก์ที่ 9 เป็นหนี้รายละ 40,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันปลดจำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ทั้งเก้าและส่งคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวให้โจทก์ทั้งเก้าหากจำเลยทั้งสองไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าที่ดินเป็นเงินจำนวน 915,000 บาท แก่โจทก์ทั้งเก้าพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยประกาศต่อประชาชนว่าจำเลยที่ 2 มีนโยบายส่งคนไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียความจริงแล้วจำเลยที่ 2 มีนโยบายให้ธนาคารของจำเลยที่ 2ทุกสาขาให้สินเชื่อประเภทสนับสนุนให้บุคคลไปทำงานต่างประเทศโดยมีหลักทรัพย์จำนองเป็นประกัน จำเลยที่ 1 จึงได้บอกให้ลูกค้าของจำเลยที่ 1 ทราบ ต่อมาประมาณเดือนตุลาคม 2525 โจทก์และบุคคลอื่นได้มาขอกู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศจำเลยที่ 1 ให้กู้โดยมีหลักทรัพย์จำนองเป็นประกันตามระเบียบของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบเงินกู้ให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1มิได้เป็นตัวแทนของบริษัทใด ๆ ในการส่งคนไปทำงานต่างประเทศขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการจัดหางาน ไม่มีนโยบายส่งคนไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบียไม่มีหน้าที่จ่ายเงินค่าบริการในการส่งคนไปทำงานต่างประเทศการกระทำของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องเป็นการกระทำนอกทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 8 ได้กู้เงินเพื่อการเกษตรจากจำเลยที่ 2 โดยโจทก์ที่ 5 กู้เงินจำนวน 35,000 บาทโจทก์ที่เหลือยกเว้นโจทก์ที่ 9 กู้เงินคนละ 40,000 บาท โจทก์ที่ 1โจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 8 จำนองที่ดินประกันหนี้ของตน นายสมศักดิ์ปาระกา จำนองที่ดินประกันหนี้ของโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 9จำนองที่ดินประกันหนี้ของโจทก์ที่ 8 ด้วย โจทก์ทั้งเก้ายังไม่ได้ชำระดอกเบี้ยและเงินต้น จำเลยที่ 2 จึงไม่มีหน้าที่ต้องปลดจำนองแก่โจทก์ทั้งเก้า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ร่วมกันไปจดทะเบียนปลดจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3ถึงโจทก์ที่ 9 ตามสัญญาจำนองที่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9ผู้จำนองทำไว้กับจำเลยที่ 2 สาขากระนวน ผู้รับจำนองตามสัญญาจำนองลงวันที่ 2, 3, 22, 22 พฤศจิกายน 2525 วันที่ 25 ตุลาคม 2535วันที่ 22, 22, 23 และ 23 พฤศจิกายน 2525 ตามลำดับ พร้อมทั้งคืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1529, 1000, 999, 2648, 3148,1179, 2633 และ 3225 ตำบลหนองโก อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9 ตามลำดับ หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการปลดจำนองดังกล่าว ให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงแทนเจตนาของจำเลยทั้งสอง กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9 โดยกำหนดค่าทนายความแก่โจทก์ดังกล่าวคนละ 2,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยทั้งสองให้เป็นพับคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าธรรมเนียมที่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9 ได้รับยกเว้นทั้งหมดต่อศาลในนามของโจทก์ดังกล่าว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9 คนละ 1,000 บาท
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จึงรับฟังได้ว่า โจทก์ไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ยืมเงินที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยในข้อนี้มาชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยที่ 2 ฎีกาเป็นข้อต่อมาว่า การกระทำของจำเลยที่ 1นอกทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้มีวัตถุประสงค์จัดส่งคนไปทำงานในต่างประเทศ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ปลดจำนองนั้นไม่ชอบเห็นว่าแม้จำเลยที่ 2 จะมีวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์ดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกาก็ตามแต่นโยบายการให้สินเชื่อก็เป็นวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของกิจการธนาคาร ถือได้ว่าเป็นกิจการตามวัตถุประสงค์ทั่วไปของจำเลยที่ 2 การกระทำของจำเลยที่ 1 ในส่วนที่ให้สินเชื่อต้องถือว่าอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 2 แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ให้โจทก์ลงลายมือชื่อรับเงินในใบถอนเงินโดยจำเลยที่ 1 ไม่จ่ายเงินให้นั้นแม้การกระทำส่วนนี้อาจจะเป็นปัญหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำนอกทางการที่จ้างหรือไม่ แต่ในทางปฏิบัติของจำเลยที่ 2 ดังที่ยกขึ้นวินิจฉัยมาข้างต้น ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีอำนาจกระทำได้ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามหลักกฎหมายในเรื่องตัวการตัวแทน ดังนั้นเมื่อการจำนองที่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยชอบ เพื่อเป็นประกันหนี้ของลูกหนี้นั้นไม่มีมูลหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดต่อผู้รับจำนองเสียแล้ว โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9ผู้จำนองก็มีสิทธิที่จะขอให้จำเลยที่ 2 ผู้รับจำนองจดทะเบียนปลดจำนองได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้จำเลยจดทะเบียนปลดจำนองให้แก่โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 3 ถึงโจทก์ที่ 9 จึงชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 2 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ด้วยนั้นไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยที่ 2 อุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียว จึงเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษายืน แต่จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share