แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ผู้ร้องฎีกาว่า การที่ผู้ร้องติดตามรถจักรยานยนต์คืนเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยปริยายนั้น ผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามสัญญาเช่าซื้อได้ระบุว่า หากเกิดความเสียหายหรือสูญหายแก่ทรัพย์ที่เช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อยินยอมรับผิดชดใช้เงินค่าเช่าซื้อที่ยังคงค้างชำระอยู่ทั้งสิ้นหากปรากฏว่าทรัพย์ที่เช่าซื้อชำรุดเสียหายหรือบุบสลาย ผู้เช่าซื้อยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งสิ้น ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่ง ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและกลับเข้ายึดถือครอบครองทรัพย์ที่เช่าซื้อ เมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ให้เช่าซื้อยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อต่อไป ผู้ร้องเพิ่งได้มอบอำนาจให้ จ.ติดตามยึดรถจักรยานยนต์คืนหลังจากรถจักรยานยนต์ถูกพนักงานสอบสวนยึดไว้แล้วถึง 4 เดือนเศษ และหลังจากผู้เช่าซื้อขาดส่งค่าเช่าซื้อเป็นเวลา 8 เดือนเศษ โดยไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก่อนนอกจากนี้หากผู้เช่าซื้อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระครบถ้วน ผู้ร้องก็ยินยอมให้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวต่อไป จึงแสดงว่าผู้ร้องไม่มีความประสงค์จะยึดรถจักรยานยนต์ของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อแต่ประการใด พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าผู้ร้องร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืนเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อแต่ฝ่ายเดียวผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง