คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องยักยอกทรัพย์ สืบพยาน 1 ปากแล้วศาลชั้นต้นงดสืบพยานเมื่อคำพยานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่เพียงพอจะชี้ขาดว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงควรจะได้ฟังพยานต่อไป กรณีต้องให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
ฟ้องว่า จำเลยกับผู้เสียหายได้ตกลงกันและยอมรับปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นว่าจำเลยเป็นลูกน้องผู้เสียหายเป็นนายทุนออกค่าใช้จ่ายเมื่อจำเลยขุดหาพลอยได้เท่าใด จำเลยและผู้เสียหายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพลอยนั้นคนละครึ่ง ต่อมาจำเลยขุดพลอยได้ 1 เม็ด ผู้เสียหายจึงมีกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่งและจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบให้ครอบครองเก็บรักษาพลอยไว้ แล้วจำเลยได้บังอาจเบียดบังยักยอกเอาพลอยดังกล่าวไปเป็นของตนโดยทุจริต ถ้าข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้อง จำเลยอาจมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับนายบุญทา ดอกเข็ม ผู้เสียหาย ได้ทำความตกลงยอมรับปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นว่าจำเลยเป็นลูกน้องผู้เสียหายเป็นนายทุนออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้จำเลยใช้ในการขุดหาพลอย เมื่อจำเลยขุดหาพลอยได้เท่าใด จำเลยและผู้เสียหายมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พลอยนั้นคนละครึ่งหรือเมื่อนำไปขายได้ ต้องแบ่งเงินกันคนละครึ่ง ต่อมาจำเลยขุดได้พลอยหนึ่งเม็ด หนัก 30 กาหรัด ราคา 30,000 บาท ผู้เสียหายจึงมีส่วนกรรมสิทธิ์ครึ่งหนึ่ง และจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายให้ครอบครองเก็บรักษาพลอยนั้นแล้ว จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาพลอยที่จำเลยครอบครองไว้ดังกล่าวซึ่งผู้เสียหายเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เป็นของตนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาพลอยเฉพาะส่วนของผู้เสียหาย 15,000 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์หนึ่งปากแล้ว งดสืบพยาน วินิจฉัยว่าผู้เสียหายยังมิได้เข้ายึดถือครอบครองพลอย จึงยังมิได้เป็นเจ้าของการกระทำของจำเลยเป็นผิดสัญญาทางแพ่งไม่เป็นผิดทางอาญา พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์มีอยู่ตอนหนึ่งว่า ผู้เสียหายกับจำเลยได้ตกลงกันและยอมรับปฏิบัติตามประเพณีท้องถิ่นว่า เมื่อจำเลยขุดหาได้พลอยเท่าใด จำเลยและผู้เสียหายมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพลอยนั้นคนละครึ่ง ครั้นต่อมาจำเลยขุดพลอยได้หนึ่งเม็ดและจำเลยเป็นผู้ได้รับมอบหมายจากผู้เสียหายให้ครอบครองเก็บรักษาพลอยดังกล่าวไว้ จำเลยได้บังอาจเบียดบังยักยอกเอาพลอยที่จำเลยครอบครองไว้ดังกล่าวซึ่งผู้เสียหายเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปเป็นของตนโดยทุจริตเรื่องนี้ถ้าหากให้โจทก์และจำเลยนำพยานมาสืบจนหมดสิ้นกระแสความแล้ว ข้อเท็จจริงอาจได้ความตามฟ้องก็ได้ ตามคำผู้เสียหายดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่จึงควรจะได้ฟังพยานต่อไป ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ เป็นการชอบแล้ว ฎีกาจำเลยไม่มีเหตุที่จะให้เปลี่ยนแปลง

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share