แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการด้วยเงินตราต่างประเทศคือ เงินดอลลาร์สหรัฐและเงินปอนด์สเตอร์ลิง โดยขอให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนตาม ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง ซึ่งให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และเวลาที่ใช้เงิน การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษากำหนดให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่มีคำพิพากษา นอกจากจะไม่เป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง แล้ว ยังเป็นการพิพากษาเกินคำขอบังคับของผู้ร้องโดยกำหนดคิดอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำร้องขอ ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอ ขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจากประเทศอังกฤษ โดยขอให้ผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องเป็นราคาสินค้าและดอกเบี้ยจำนวน 1,111,492.57 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าใช้จ่ายชั้นอนุญาโตตุลาการในประเทศอังกฤษจำนวน 4,900 ปอนด์สเตอร์ลิง พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินทั้งสองจำนวนนับแต่วันที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด (ชี้ขาดวันที่ 1 กรกฎาคม 2541) จนถึงวันที่ผู้คัดค้านจะชำระเสร็จสิ้นแก่ผู้ร้อง ค่าใช้จ่ายในชั้นอนุญาโตตุลาการและค่าใช้จ่ายชั้นศาลพาณิชย์ ณ กรุงลอนดอน จำนวน 30,000 ปอนด์สเตอร์ลิง และค่าอากรแสตมป์คำชี้ขาดตามประมวลรัษฎากรเป็นเงิน 45,499.46 บาท โดยขอให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 196 วรรคสอง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดด้านและแก้ไขคำคัดค้านว่า ผู้ร้องกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับหนี้ตามคำชี้ขาดเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2541 ซึ่งเป็นวันที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดนั้นไม่ถูกต้อง การคิดอัตราแลกเปลี่ยนควรคิดตามอัตรา ณ สถานที่และในเวลาชำระหนี้ วันฟ้องคดี หรือวันที่ศาลมีคำพิพากษา ขอให้ศาลปฏิเสธการบังคับตามคำชี้ชาดของอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ หรือสั่งจำหน่ายคดีเพื่อให้ผู้คัดค้านดำเนินกระบวนพิจารณา ณ ประเทศอังกฤษจนถึงที่สุด
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศจากประเทศอังกฤษ โดยให้ผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องเป็นค่าราคาสินค้าและดอกเบี้ยจำนวน 1,111,492.57 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าใช้จ่ายของอนุญาโตตุลาการในประเทศอังกฤษจำนวน 4,900 ปอนด์สเตอร์ลิง ค่าใช้จ่ายของผู้ร้องในชั้นอนุญาโตตุลาการและศาลพาณิชย์ในประเทศอังกฤษเพื่อการตั้งอนุญาโตตุลาการจำนวน 3,000 ปอนด์สเตอร์ลิง ดอกเบี้ยของต้นเงินดังกล่าวในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่อนุญาโตตุลการมีคำชี้ขาด (ชี้ขาดวันที่ 1 กรกฎาคม 2541) จนถึงวันที่ผู้คัดค้านจะชำระเสร็จสิ้นแก่ผู้ร้อง ให้ผู้คัดค้านชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดค่าเป็นทนายความ 100,000 บาท สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครในวันที่มีคำพิพากษานี้ ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าว ก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก่อนวันที่มีคำพิพากษา คำขออื่นให้ยก
ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2538 ผู้คัดค้านทำสัญญาซื้อเหล็กแท่งจากประเทศอินเดียกับผู้ร้อง โดยมีข้อตกลงว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญา ให้เสนอข้อพิพาทนั้นให้อนุญาโตตุลาการ ณ กรุงลอนดอน เป็นผู้ชี้ขาด ต่อมามีข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน ผู้ร้องได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการในประเทศอังกฤษ โดยผู้คัดค้านให้ความยินยอมด้วย ระหว่างพิจารณาผู้คัดค้านมีนายอุดม เป็นทนายความจากประเทศไทย และมีล่ามจากสถาบันที่อนุญาโตตุลาการยอมรับ ทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านได้นำพยานหลักฐานเข้าไต่สวนจนเสร็จสิ้นโดยไม่ปรากฏว่ามีการโต้แย้งหรือคัดค้านว่าการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการในประเทศอังกฤษไม่ชอบแต่อย่างใด และเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2541 อนุญาโตตุลาการในประเทศอังกฤษได้มีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านชำระค่าสินค้าและดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 1,111,492.57 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าใช้จ่ายในชั้นอนุญาโตตุลาการจำนวน 4,900 ปอนด์สเตอร์ลิงและค่าใช้จ่ายในศาลพาณิชย์ ณ กรุงลอนดอน จำนวน 30,000 ปอนด์สเตอร์ลิง แก่ผู้ร้อง แต่ผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ด้วยเงินตราต่างประเทศคือ เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์สเตอร์ลิง โดยขอให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนตาม ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าวให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณ สถานที่และเวลาที่ใช้งาน ดังนั้น การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษากำหนดให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันที่มีคำพิพากษานั้น นอกจากจะไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง แล้ว ยังเป็นการพิพากษาเกินคำขอบังคับของผู้ร้องโดยกำหนดการคิดอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำร้องขอ ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะในส่วนที่ต้องชำระเงินแก่ผู้ร้องตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนั้น ไม่บังคับให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ในกรุงเทพมหานครในวันที่มีคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ถ้าไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนในวันดังกล่าว ก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราแลกเปลี่ยนนั้นก่อนวันที่มีคำพิพากษา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ผู้คัดค้านใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ จำนวน 80,000 บาท แทนผู้ร้อง.