คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็ค 3 ฉบับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการสั่งให้ธนาคาร จ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่มีปรากฏในเช็คแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 3 ฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันและเมื่อเช็คที่โจทก์นำไปฟ้องจำเลยในคดีก่อนเป็นเช็คคนละฉบับกับที่มาฟ้องเป็นคดีนี้ แม้จำเลยจะออกเช็คในคราวเดียวกันเพื่อชำระหนี้อันมีมูลหนี้มาจากค่าซื้อยาเช่นเดียวกันก็ตาม โจทก์ก็ย่อมนำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 และขอให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.1518/2531 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 3 กระทง จำคุกรวม 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือนนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่1518/2531 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายข้อแรกว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวเพราะจำเลยสั่งจ่ายเช็คทั้งสามฉบับในคราวเดียวกันเพื่อชำระหนี้ในมูลหนี้ค่ายาจำนวนเดียวกันพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่จำเลยสั่งจ่ายเช็คจำนวน 3 ฉบับชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่มีปรากฏในเช็คแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสามฉบับการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยเป็นความผิด 3 กระทงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายข้อที่สองว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.1518/2531 ของศาลชั้นต้น ซึ่งในคดีดังกล่าวโจทก์ได้ฟ้องจำเลยว่าออกเช็คไม่มีเงินจำนวน 3 ฉบับให้โจทก์คราวเดียวกับเช็คในคดีนี้เพื่อชำระหนี้จำนวนเดียวกัน ซึ่งเป็นการกระทำครั้งเดียวกับความผิดในคดีดังกล่าวและเป็นกรรมเดียวกันซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในคดีก่อนไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ไม่ได้ในข้อนี้เห็นว่า การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เป็นความผิดหลายกรรมตามจำนวนเช็คแต่ละฉบับดังวินิจฉัยมาแล้วข้างต้น เมื่อเช็คที่โจทก์นำไปฟ้องจำเลยในคดีก่อนเป็นเช็คคนละฉบับกับที่มาฟ้องเป็นคดีนี้ แม้จำเลยจะออกเช็คในคราวเดียวกัน และเพื่อชำระหนี้อันมีมูลหนี้มาจากค่าซื้อยาเช่นเดียวกันก็ตาม โจทก์ก็ย่อมนำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ หาเป็นฟ้องซ้ำตามที่จำเลยฎีกาไม่
จำเลยฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า ขออย่านับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.1518/2531 ของศาลชั้นต้นเพราะโทษที่จำเลยได้รับอยู่สาสมกับความผิดแล้วนั้น เห็นว่าการที่ศาลจะให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอื่นหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 1 เดือน รวมลงโทษจำคุก 3 เดือน คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share