คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะแจ้งการครอบครองที่พิพาทตาม ส.ค. 1 โดยระบุการได้มาว่าโจทก์ซึ่งเป็นพี่สาวแบ่งให้ก็ตาม จำเลยก็ยังสามารถนำสืบได้ว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของบิดามารดา เมื่อบิดามารดาตาย โจทก์จำเลยและพี่น้องได้ร่วมทำก้นในที่พิพาทแล้วแบ่งปันกันได้ เพราะ ส.ค. 1 ไม่ใช่เอกสารที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีมาแสดง จึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ที่ไม่ให้สืบพยานบุคคลแก้ไข.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อมาจำเลยทั้งสองประพฤติเนรคุณโจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้งสองคืนที่ดินที่โจทก์ยกให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ประพฤติเนรคุณที่ดินตามที่ทำสัญญายกให้ไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นที่ดินมรดกของบิดามารดาของจำเลยทั้งสอง โจทก์ทำสัญญาในนามผู้จัดการมรดก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองได้แจ้งการครอบครองที่ดินพิพาทตาม ส.ค.1 เอกสารหมาย จ.1จ.2 และ จ.3 ระบุว่าได้มาโดยโจทก์ยกให้ จำเลยทั้งสองจะนำสืบหักล้างเอกสารไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์นั้น โจทก์รับว่า เดิมที่พิพาทเป็นของบิดามารดา แต่อ้างว่าต่อมาบิดามารดาได้ขายให้นายทองสุข เมื่อโจทก์แต่งงานแล้วโจทก์ได้ไปซื้อที่ดินกลับมา และได้แบ่งให้จำเลยแต่นายสง่า ศรีสมบัติ กำนันตำบลบ้านช่องเบิกความว่า รู้จักโจทก์จำเลยมาประมาณ 20 ปี ที่ดินแปลงพิพาทนี้ไม่เป็นของโจทก์ เป็นของระหว่างพี่ระหว่างน้อง โจทก์จำเลยต่างทำกินมาจนทุกวันนี้ คำเบิกความของนายสง่าพยานโจทก์เจือสมข้อนำสืบของจำเลยทั้งสองว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของมารดาบิดาเมื่อมารดาบิดาถึงแก่กรรมโจทก์จำเลยและพี่น้องได้ร่วมกันทำกินในที่พิพาท ต่อมาในปี 2496 ได้มีการแบ่งปันกัน จำเลยทั้งสองได้แจ้งการครอบครองตาม ส.ค.1 เอกสารหมาย จ.1 จ.2 และ จ.3ระบุการได้มาว่า พี่สาวแบ่งให้เมื่อปี 2496 ศาลฎีกาเห็นว่าการแจ้งการครอบครองที่ดินไว้ตามแบบ ส.ค.1 นั้น ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้ง เว้นแต่จะได้สิทธิครอบครองอยู่แล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย ส.ค.1 ไม่ใช่เอกสารที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีมาแสดงไม่อยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94ที่ไม่ให้สืบพยานบุคคลแก้ไขข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของนายเกตุนางห่อบิดามารดาโจทก์จำเลย เมื่อบิดามารดาโจทก์จำเลยถึงแก่ความตาย โจทก์จำเลยได้ตกลงแบ่งมรดกที่ดินกัน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกที่ดินคืนตามฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share