คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8995/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การไต่สวนคำร้องขอฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถาเป็นกระบวนพิจารณาในศาล เมื่อผู้ร้องยื่นฟ้อง โจทก์ทั้งสี่และคดีอยู่ในระหว่างไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ถือว่าเป็นคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (8) และ 173 วรรคสองแล้ว โดยไม่จำต้องรอให้ศาลมีคำสั่งในเรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก่อนแต่อย่างใด
ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีเป็นการตั้งสิทธิในฐานะคู่ความฝ่ายที่สามและเป็นปฏิปักษ์แก่โจทก์ทั้งสี่ และจำเลย คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำฟ้อง และผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นโจทก์ เมื่อสิทธิที่ผู้ร้องอ้างว่าถูกโจทก์ทั้งสี่ กับจำเลยโต้แย้งนี้ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์ทั้งสี่เป็นคดีต่อศาลไว้แล้วและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา คำร้องสอดของผู้ร้อง จึงเป็นฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสี่ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายเพราะไม่ไถ่ถอนการขายฝากภายในกำหนด ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทที่ขายฝากกึ่งหนึ่ง และจำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินและบ้านพิพาทไปขายฝากโจทก์ทั้งสี่เพราะไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ร้อง การขายฝากจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ร้องได้ดำเนินการฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการขายฝากที่ดินและบ้านพิพาทระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยที่ศาลจังหวัดธัญบุรีแล้วตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 465/2539 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องตั้งสิทธิเข้ามาในคดีในฐานะที่เป็นคู่ความฝ่ายที่สามโดยเป็นปฏิปักษ์ทั้งโจทก์และจำเลย โจทก์และจำเลยต้องให้การแก้คำร้องสอดของผู้ร้อง คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำฟ้อง ซึ่งเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน กับเรื่องที่ผู้ร้องยื่นฟ้องโจทก์และจำเลยคดีนี้ที่ศาลจังหวัดธัญบุรีแล้ว จึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องสอดของผู้ร้องดังกล่าว ค่าคำร้องและค่าฤชาธรรมเนียมส่วนนี้ให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ป.วิ.พ. มาตรา 1 (8) บัญญัติว่า “การพิจารณา” หมายความว่า กระบวนพิจารณาทั้งหมดในศาลใดศาลหนึ่ง ก่อนศาลนั้นชี้ขาดตัดสินหรือจำหน่ายคดีโดยคำพิพากษาหรือคำสั่ง กรณีผู้ร้องยื่นคำฟ้องต่อศาลก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาและเป็นการพิจารณาตามมาตรา 1 (8) เมื่อคดีอยู่ในระหว่างไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก็ถือว่าคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง แล้ว โดยไม่จำต้องรอให้ศาลมีคำสั่งในเรื่องการขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก่อนแต่อย่างใด
ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีโดยอ้างสิทธิว่า ที่ดินพร้อมบ้านพิพาทที่จำเลยนำไปขายฝากโจทก์ทั้งสี่เป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องกับจำเลยได้ร่วมกันซื้อมา ผู้ร้องจึงมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่กึ่งหนึ่ง จำเลยไม่มีสิทธินำที่ดินและบ้านพิพาทไปขายฝากโจทก์ทั้งสี่ เพราะไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ร้อง ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องโจทก์ทั้งสี่ขอให้เพิกถอนนิติกรรม การขายฝากระหว่างโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยต่อศาลจังหวัดธัญบุรีเป็นคดีหมายเลขดำที่ 465/2539 คำร้องของผู้ร้องดังกล่าวเป็นการตั้งสิทธิของผู้ร้องเข้ามาในคดีในฐานะคู่ความฝ่ายที่สามและเป็นปฏิปักษ์แก่โจทก์ทั้งสี่และจำเลย หาใช่เข้ามาเพียงเป็นจำเลยต่อสู้คดีกับโจทก์ทั้งสี่โดยเฉพาะไม่ คำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำฟ้อง และผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นโจทก์หาใช่เป็นจำเลยไม่ ทั้งสิทธิที่ผู้ร้องอ้างว่าถูกโจทก์ทั้งสี่กับจำเลยโต้แย้งนี้ผู้ร้องได้ฟ้องโจทก์ทั้งสี่เป็นคดีต่อศาลไว้แล้ว ปรากฏตามคดีหมายเลขดำที่ 465/2539 ของศาลจังหวัดธัญบุรี คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา คำร้องสอดของผู้ร้อง จึงเป็นฟ้องซ้อน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share