คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ข้อหาลักทรัพย์และยกฟ้องจำเลยที่ 1 โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ข้อหารับของโจรส่วนจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ขอถอนอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์อนุญาตดังนี้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ย่อมถึงที่สุด เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 และไม่ปรากฏว่าเหตุที่ยกฟ้องนั้นเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจหยิบยกเอาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ถอนแล้วมาวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 357, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 จำคุก 3 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี ข้อหาอื่นให้ยก ส่วนจำเลยที่ 1 ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษ จำเลยที่ 1 ข้อหารับของโจร ส่วนจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องต่อมาจำเลยที่ 2 ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลอุทธรณ์ได้อนุญาตให้จำเลยที่ 2ถอนอุทธรณ์แล้ว คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุด เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 และไม่ปรากฏว่าเหตุที่ยกฟ้องนั้นเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ด้วย ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจหยิบยกเอาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ถอนแล้วมาวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share