คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2551

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องแถลงขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการยึดที่ดินพิพาทเพราะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและผู้ร้องยังไม่ยื่นขอกับส่วนเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท เหตุเพิกถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงมิได้เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้อง ทั้งผู้ร้องบรรยายคำร้องเพียงว่า ผู้ร้องเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย และหากให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไปจะมีปัญหาโต้แย้งระหว่างผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินส่วนหนึ่งกับผู้ซื้อ โดยไม่ปรากฏจากคำร้องว่า ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทหรือครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิใด จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่ดินพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 280 จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินพิพาท

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยผิดสัญญาเล่นแชร์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 199,175 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับถัดจากวันฟ้อง เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 472 เลขที่ดิน 158 ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เพื่อชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดที่ดินแปลงดังกล่าวเพราะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพะเยาได้ออกหนังสือแจ้งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 (4) ผู้ร้องเป็นสามีของจำเลยและเป็นผู้ครอบครองที่ดินส่วนหนึ่ง ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะกันส่วนทรัพย์ดังกล่าว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์รายนี้
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า มูลหนี้คดีนี้เป็นหนี้ร่วมกันระหว่างจำเลยและผู้ร้อง ทั้งผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในที่ดินแปลงดังกล่าว ขอให้ยกคำร้อง
ก่อนการไต่สวนผู้ร้องแถลงว่า ตามคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการยึดทรัพย์ที่ดินแปลงนี้เนื่องจากอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการบังคับคดีที่ฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ผู้ร้องยังมิได้ขอให้กันส่วนเงินที่ได้จากการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องประการแรกว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินพิพาทหรือไม่ ในระหว่างการไต่สวนของศาลชั้นต้น ผู้ร้องแถลงขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการยึดที่ดินพิพาทเพราะอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเพียงเหตุเดียวและผู้ร้องยังไม่ยื่นขอกันส่วนเงินที่จะได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท เช่นนี้ เหตุเพิกถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวจึงมิได้เป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้อง ทั้งผู้ร้องบรรยายคำร้องเพียงว่า ผู้ร้องเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย และหากให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไปจะมีปัญหาโต้แย้งระหว่างผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินส่วนหนึ่งกับผู้ซื้อ โดยไม่ปรากฏจากคำร้องว่า ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทหรือครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิใด จึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินพิพาท เมื่อได้วินิจฉัยดังกล่าวข้างต้นแล้ว คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ร้องข้ออื่นอีกต่อไป”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share