คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8989/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีแพ่ง แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตายก่อนศาลพิพากษา แต่ปรากฏต่อศาลเมื่ออ่านคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาก็คงสมบูรณ์
โจทก์ถึงแก่ความตายก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แต่ปรากฏต่อศาลหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้ว เมื่อคดีอยู่ระหว่างระยะยื่นฎีกาศาลชั้นต้นย่อมดำเนินกระบวนพิจารณาหาบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ รวมทั้งมีคำสั่งในการที่จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะได้ตามนัย มาตรา 42, 43 และ 44 แห่ง ป.วิ.พ. การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการดังกล่าวเสียก่อนแล้วมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์และจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้กำจัดจำเลยมิให้ได้ทรัพย์มรดก ที่ดินโฉนดเลขที่ 68998 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ และให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 68998 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ จากจำเลยกลับมาเป็นของกองมรดกของนางบุญมาผู้ตาย ตามเดิมโดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียมในการโอน
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนการรับโอนมรดกของจำเลยในที่ดินโฉนดเลขที่ 68998 ตำบลในคลองบางปลากด อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ กลับเข้ามาเป็นทรัพย์ในกองมรดกของนางบุญมาผู้ตาย โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าธรรมเนียม กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 ต่อมาจึงปรากฏว่าโจทก์ถึงแก่ความตายแล้วตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2545 ตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาของทนายโจทก์ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2545
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏว่า หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2545 แล้ว ทนายโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 17 ธันวาคม 2545 ขอขยายระยะเวลาฎีกา โดยในคำร้องระบุว่า โจทก์ได้ถึงแก่ความตายตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2545 ทายาทของโจทก์อยู่ระหว่างการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ จึงจำเป็นต้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ซึ่งต่อมาวันที่ 18 ธันวาคม 2545 ทนายจำเลยก็ยื่นฎีกาและยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์ถึงแก่ความตายก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกนายฟัก ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับโจทก์ เข้ารับมรดกความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ แต่ศาลชั้นต้นมิได้ไต่ส่วนให้ได้ความว่า โจทก์ถึงแก่ความตายจริงหรือไม่ ทั้งมิได้มีคำสั่งตามคำร้องของทนายจำเลยก่อนมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์และจำเลย เห็นว่า ในคดีแพ่ง แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตายก่อนศาลพิพากษา แต่ปรากฏต่อศาลเมื่ออ่านคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาก็คงสมบูรณ์ คดีนี้ โจทก์ถึงแก่ความตายก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แต่ปรากฏต่อศาลหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 แล้ว เมื่อคดีอยู่ระหว่างระยะยื่นฎีกาศาลชั้นย่อมดำเนินกระบวนพิจารณาหาบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะรวมทั้งมีคำสั่งในการที่จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะได้ตามนัยมาตรา 42, 43 และ 44 แห่ง ป.วิ.พ. การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการดังกล่าวเสียก่อนแล้วมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์และจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับวินิจฉัยฎีกาโจทก์และจำเลยได้
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้รับฎีกาโจทก์และจำเลย ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนให้ได้ความว่าโจทก์ถึงแก่ความตายจริงหรือไม่ และดำเนินกระบวนพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42, 43 และ 44 ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share