แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยยังมีทรัพย์อยู่ แต่ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้โดยสิ้นเชิงนั้น ไม่เป็นเหตุที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยใช้ต้นเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยจำเลยไม่ชำระโจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยและขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเงินที่ขายทอดตลาดได้
โจทก์คัดค้าน อ้างว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอย่างอื่นซึ่งผู้ร้องสามารถจะขอบังคับคดีมาชำระหนี้แก่ผู้ร้องได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเชื่อว่า จำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องสามารถยึดเอามาชำระหนี้ได้ สั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีทรัพย์อยู่ไม่เพียงพอกับจำนวนหนี้ของผู้ร้อง จึงไม่เป็นเหตุที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ร้องได้เฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์นำยึด พิพากษากลับให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินที่โจทก์นำยึด หรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยอยู่ 20,000 บาท กับดอกเบี้ยจนกว่าจะชำระรวมทั้งค่าธรรมเนียม ค่าทนายความด้วย แต่ทรัพย์ของจำเลยตามคำคัดค้านโจทก์ปรากฏว่ามีเพียง 12,000 บาท และโจทก์นำสืบว่าราคา 11,500 บาท ซึ่งน้อยกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้อง ถือได้ว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆของลูกหนี้โดยสิ้นเชิงจึงชอบที่ศาลจะอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยได้
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์