คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8956/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์ ซื้อสินค้าจากโจทก์ในราคาสมาชิกแล้วจำหน่ายสินค้าให้แก่ จำเลยที่ 1 ซึ่งนำสินค้าเหล่านี้จำหน่ายต่อในราคาที่ต่ำกว่าที่ระบุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดในสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงผิดสัญญาต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 เคยเป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์และทราบข้อกำหนดห้ามดังกล่าวแต่ขณะซื้อผลิตภัณฑ์ของโจทก์ จากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 มิได้เป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์ ข้อกำหนดห้ามดังกล่าว จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องปฏิบัติตามด้วย การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420
แม้จำเลยที่ 1 จะรู้ว่าการที่จำเลยที่ 2 จำหน่ายสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิในการประกอบอาชีพค้าขายโดยเสรี ไปวางจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อหากำไรตามอัตภาพ มิใช่กระทำโดยมุ่งประสงค์จะใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421 การกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับห้ามจำเลยทั้งสองสนับสนุนการปฏิบัติผิดสัญญาของสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 5,000,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้กระทำละเมิดตามฟ้อง ฟ้องขาดอายุความละเมิด โจทก์เรียกค่าเสียหายสูงเกินส่วน ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 100,000 บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท คำขออื่นนอกจากนั้นให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 ร่วมชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 100,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่า โจทก์ประกอบธุรกิจเป็นผู้ค้าสินค้าอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ โดยมีระบบการจำหน่ายสินค้าแบบขายตรง ผ่านสมาชิกผู้จำหน่ายที่เรียกว่า “นักธุรกิจอิสระผู้จำหน่ายตรง” โดยมีข้อกำหนดว่าโจทก์จะไม่จำหน่ายสินค้าแก่บุคคลที่ไม่เป็นสมาชิกผู้จำหน่ายและไม่วางจำหน่ายสินค้าตามร้านค้าทั่วไป สมาชิกผู้จำหน่ายมีสิทธิซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ แต่ต้องนำไปจำหน่ายต่อแก่ผู้บริโภคโดยตรงในราคาที่โจทก์กำหนดโดยระบุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ ต้องไม่จำหน่ายสินค้าในสถานที่ค้าปลีกหรือร้านค้าใด ๆ ต้องไม่จำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลที่ประสงค์จะรับสินค้าไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง หากฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าว ความเป็นสมาชิกจะสิ้นสุดลงและต้องชดใช้ค่าเสียหายตามจำนวนที่กำหนดไว้ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์ซื้อสินค้าจากโจทก์ในราคาสมาชิกแล้วจำหน่ายสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งนำสินค้าเหล่านี้ไปจำหน่ายต่อในราคาต่ำกว่าที่ระบุไว้ที่บรรจุภัณฑ์ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการผิดสัญญา ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แม้จำเลยที่ 1 เคยเป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์และทราบข้อกำหนดห้ามดังกล่าว แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 ซื้อผลิตภัณฑ์ของโจทก์จากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 มิได้เป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์ ข้อกำหนดห้ามดังกล่าวจึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องปฏิบัติตามด้วย จากข้อกำหนดห้ามดังกล่าวแสดงให้เห็นอยู่ในตัวเองว่า หากไม่มีข้อกำหนดห้ามเช่นว่านั้นแล้ว แม้แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสมาชิกผู้จำหน่ายของโจทก์ก็สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของโจทก์ที่ตนซื้อไปแล้วได้อย่างเสรี จะจำหน่ายให้แก่ผู้ที่ประสงค์นำไปจำหน่ายต่อก็ได้ จะจำหน่ายในราคาเท่าใดก็ได้ เพราะไม่ใช่การจงใจกระทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยผิดกฎหมายแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 แม้จำเลยที่ 1 จะรู้ว่าการที่จำเลยที่ 2 จำหน่ายสินค้าให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิในการประกอบอาชีพค้าขายโดยเสรีโดยซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 2 ไปวางจำหน่ายในท้องตลาดเพื่อหากำไรตามอัตภาพ มิใช่กระทำโดยมุ่งประสงค์จะใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ซึ่งเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 การกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share