แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้รับเงินค่าจ้างล่วงหน้าจากกรมทางหลวงในการรับเหมาสร้างทาง และโจทก์มีรายได้อย่างอื่นอีก แต่โจทก์ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีการค้า เจ้าพนักงานประเมินจึงแจ้งการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาล เงินเพิ่ม และเบี้ยปรับ โจทก์อุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คงวินิจฉัยให้ลดเบี้ยปรับลงบางส่วน ปรากฏว่า หลังจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์แล้ว โจทก์ตกลงคืนเงินค้าจ้างล่วงหน้าให้กรมทางหลวงไป ดังนี้ ขณะที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์เสียภาษีการค้านั้น โจทก์กับกรมทางหลวงยังไม่ได้เลิกสัญญากัน และโจทก์ยังไม่ตกลงคืนค่าจ้างล่วงหน้าให้กรมทางหลวง เงินค่าจ้างล่วงหน้าดังกล่าวยังเป็นรายรับของโจทก์ การที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์เสียภาษีการค้า จึงเป็นการประเมินและวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะพิพากษาให้เพิกถอนการประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ได้ แต่ต่อมาเมื่อโจทก์และกรมทางหลวงตกลงเลิกสัญญาจ้างเหมาสร้างทางกัน และโจทก์ตกลงคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้กรมทางหลวงแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในเงินค่าจ้างล่วงหน้าดังกล่าว การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินค่าจ้างล่วงหน้าจึงไม่มีผลบังคับให้โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าต่อไปอีก ศาลย่อมพิพากษาว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินค่าจ้างล่วงหน้ารวมทั้งภาษีบำรุงเทศบาล เงินเพิ่ม และดอกเบี้ยปรับ ไม่มีผลบังคับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เงินค่าจ้างล่วงหน้าที่โจทก์ได้รับจากกรมทางหลวง ๒ รายการคือ ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท และ ๓,๙๔๒,๐๘๔ บาท เป็นเงินที่กรมทางหลวงมอบให้โจทก์ไว้เพื่อให้ปฏิบัติงานตามที่ตกลงรับจ้าง เงินดังกล่าวยังเป็นของกรมทางหลวง โจทก์ไม่มีสิทธินำไปใช้ในกิจการอื่น จึงมิใช่รายรับของโจทก์ที่จะต้องเสียภาษีการค้า ทั้งต่อมาโจทก์และกรมทางหลวงก็ได้เลิกสัญญากันแล้วโดยโจทก์ต้องคืนเงินจำนวนนั้นให้กรมทางหลวง แต่จำเลยได้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินดังกล่าวจึงไม่ชอบ โจทก์มีรายได้สำหรับเสียภาษีการค้าเพียง ๗๒๓,๐๙๙.๕๙ บาท ซึ่งโจทก์ได้ผ่อนผันการเสียภาษีต่อจำเลยแล้ว จำเลยยังให้โจทก์ชำระเบี้ยปรับด้วยจึงไม่ชอบ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ โดยให้โจทก์เสียภาษีการค้าประจำเดือนมกราคม ๒๕๑๗ จาก รายรับ ๗๒๓,๐๙๙.๕๙ บาท กับภาษีบำรุงเทศบาล และเงินเพิ่มตามกฎหมาย
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว โจทก์ จะยกเหตุที่กรมทางหลวงเลิกสัญญาหลังการพิจารณาสิ้นสุดลงแล้วมาเป็นข้ออ้างให้ศาลยกเลิกการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในจำนวนเงินค่าจ้างล่วงหน้า ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท ที่โจทก์ได้คืนให้แก่กรมทางหลวงไป คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งห้าต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งห้าฎีกาว่าที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินจำนวน ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท ที่โจทก์ได้รับล่วงหน้าจากกรมทางหลวงในการรับเหมาสร้างทางสายพะเยาว์ – ดอกคำใต้ – เชียงคำ ไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าขณะที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินจำนวน ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท นั้น โจทก์และกรมทางหลวงยังไม่ได้ตกลงเลิกสัญญาสร้างทางสายพะเยา – ดอกคำใต้ – เชียงคำ และโจทก์ยังไม่ได้ตกลงคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้า ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท ให้แก่กรมทางหลวง เงินค่าจ้างล่วงหน้าดังกล่าวยังเป็นรายรับของโจทก์ที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินค่าจ้างล่วงหน้า ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท จึงเป็นการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย จะเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ต่อมาเมื่อโจทก์และกรมทางหลวงตกลงเลิกสัญญาจ้างเหมาสร้างทางหลวงสายพะเยา – ดอกคำใต้ – เชียงคำ และโจทก์ตกลงคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้า ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท ให้กรมทางหลวงแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในเงินค่าจ้างล่วงหน้าดังกล่าว การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำนวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินจำนวน ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท จึงไม่มีผลบังคับให้โจทก์ต้องเสียภาษีการค้าต่อไปอีก
พิพากษาแก้เป็นว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ที่ให้โจทก์เสียภาษีการค้าในเงินจำนวน ๓,๐๔๓,๑๒๐ บาท รวมทั้งภาษีบำรุงเทศบาลเงินเพิ่มและเบี้ยปรับไม่มีผลบังคับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์