คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8929/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนหนึ่งที่บริเวณลานจอดรถ และนำไปตรวจค้นยึดได้ที่ในห้องพักอีกจำนวนหนึ่งเป็นการที่เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นที่พักพบของกลางตามปกติในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดลักษณะนี้อยู่แล้ว ไม่ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในอันที่จะให้ลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 65 วรรคสอง, 66 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (1) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติเบื้องต้นตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยว่าจำเลยเป็นคนต่างชาติ สัญชาติอิหร่าน มีภริยาเป็นคนไทย เดินทางเข้ามายังประเทศไทยครั้งล่าสุดทางสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2558 เวลา 0.30 นาฬิกา จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมที่บริเวณลานจอดรถฟูดส์มาร์ทขณะขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอด พร้อมเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด ยึดได้จากจำเลยในขณะนั้น 1 ถุงพลาสติก และให้จำเลยนำไปตรวจค้นที่ห้องพักภายในอาคารชุดริมหาดคอนโด ยึดได้จากในตู้เสื้อผ้าในห้องพักอีก 1 ถุงพลาสติก รวมคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 48.847 กรัม เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่อุทธรณ์ฎีกา ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฟังยุติ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตว่าจำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า ความผิดข้อหานี้โจทก์มิได้บรรยายฟ้ององค์ประกอบความผิดว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่าย เพียงแต่ระบุบทมาตราความผิดขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 65 วรรคสอง ไว้ในคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นฟังลงโทษจำเลยฐานความผิดข้อหานี้ว่าเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายย่อมเป็นการไม่ชอบ เพราะเกินคำขอนอกเหนือที่กล่าวในฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 ปัญหาว่าจะลงโทษได้เพียงใด เห็นว่า ในชั้นพิจารณาโจทก์มีแต่ผู้จับกุมสองปากคือ ร้อยตำรวจเอก อาคม และดาบตำรวจ สุขวสันต์ มาเบิกความประกอบบันทึกการจับกุม ยืนยันข้อเท็จจริงได้เพียงว่า ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีชายต่างชาติชาวอิหร่านซึ่งก็คือจำเลยจะนำเมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ดมาส่งมอบแก่ลูกค้าที่บริเวณลานจอดรถที่เกิดเหตุ จึงนำกำลังไปซุ่มดู เข้าจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางยึดได้จากจำเลยในขณะนั้น 1 ถุง และให้นำไปยึดได้จากในห้องพักอีก 1 ถุง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และมีพนักงานสอบสวนอีกปากคือ ร้อยตำรวจเอก ขวัญชัย มาเบิกความประกอบคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยว่า ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ซึ่งตามบันทึกการจับกุมได้มีการแจ้งข้อหาแก่จำเลยเพียงว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เพิ่งมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลยในชั้นสอบสวนว่าจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยอาศัยข้อเท็จจริงสืบเนื่องมาจากถ้อยคำบอกกล่าวของจำเลยในชั้นจับกุมว่านำเข้าเมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเป็นสำคัญ โดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นใดอีกเกี่ยวกับการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางจากนอกราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักร คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ตลอดถึงคำเบิกความของผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนในความผิดข้อหานี้ เป็นแค่คำพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย เมื่อไม่มีพยานหลักฐานอื่นที่มีแหล่งที่มาเป็นอิสระต่างหากจากพยานหลักฐานหลักที่ต้องการพยานหลักฐานประกอบนั้นนำมาฟังประกอบ และจำเลยก็ให้การปฏิเสธข้อหานี้ ในชั้นพิจารณานำสืบว่าไม่ได้ให้การชั้นสอบสวนตามความเป็นจริง ทั้งเป็นคนต่างชาติด้วย ที่อาจมีปัญหาในการให้ถ้อยคำสื่อความหมายผ่านล่ามแปล นับว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มั่นคงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยโดยปราศจากข้อสงสัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นฟังลงโทษจำเลยข้อหานี้ด้วยนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ที่จำเลยฎีกาต่อมาตอนท้ายเกี่ยวกับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายว่าจากพฤติการณ์ที่จำเลยนำเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้น พบเมทแอมเฟตามีนของกลางอีกจำนวนหนึ่ง จำเลยควรได้รับประโยชน์ ปรับบทลงโทษในสถานเบาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 นั้น เห็นว่า การที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนหนึ่งที่บริเวณลานจอดรถ และนำไปตรวจค้นยึดได้ที่ในห้องพักอีกจำนวนหนึ่ง เป็นการที่เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นที่พักพบของกลางตามปกติในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดลักษณะนี้อยู่แล้ว ไม่ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในอันที่จะให้ลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 ได้ ฎีกาจำเลยข้อหลังนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยนั้น ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่มีผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี และปรับ 1,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) หากต้องถูกกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปี แต่ไม่เกินสองปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share