คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8924/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของจำเลยด้วยความสมัครใจเองมิได้ถูกบีบบังคับ เนื่องจากโจทก์จะไม่ยอมรับเงื่อนไขตามที่จำเลยเสนอและจะไม่ลาออกก็ได้ การที่จำเลยเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าทนายความคนอื่นแก่โจทก์ก็เพื่อจูงใจให้โจทก์ยอมรับเงื่อนไขการลาออกตามที่จำเลยเสนอ ไม่ได้กระทำขึ้นเพื่อเจตนาหลอกลวงโจทก์แต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อโจทก์ตกลงลาออกและรับจ้างเป็นทนายความเฉพาะคดีตามที่จำเลยเสนอและได้รับมอบคดีบ้างแล้วตามสัญญา โดยโจทก์ได้รับค่าจ้างว่าความไปแล้วจำนวนหนึ่ง แม้จำเลยจะมอบคดีให้โจทก์ไม่ครบตามสัญญาก็อาจเป็นเรื่องผิดสัญญา หาเป็นกลฉ้อฉลอันจะมีผลทำให้นิติกรรมการลาออกของโจทก์เป็นโมฆียะไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรม ใบลาออกของโจทก์บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 12,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และจ่ายค่าชดเชยจำนวน 240,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ลาออกเพราะถูกกลฉ้อฉล หนังสือลาออกจึงเป็นโมฆียะนั้น ตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังยุติมาว่าจำเลยเจรจาให้โจทก์ลาออก แล้วจะทำสัญญาจ้างโจทก์เป็นทนายความนอกมีกำหนด 3 ปี และให้บุคคลอื่นทำหน้าที่แทนโจทก์ทันที โจทก์ตกลงลาออกและทำสัญญารับจ้างเป็นทนายความ เห็นว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นเพียงการเจรจาเสนอเงื่อนไขให้โจทก์ลาออกด้วยความสมัครใจ มิใช่เป็นการบีบบังคับให้โจทก์ยอมรับเงื่อนไข โจทก์จะไม่ยอมรับเงื่อนไขและไม่ยอมลาออกก็ได้ แต่เมื่อโจทก์ลาออกและทำสัญญารับจ้างเป็นทนายความนอกตามที่จำเลยเสนอแล้ว จำเลยก็ได้มอบคดีให้โจทก์เป็นทนายความตามสัญญา และจ่ายค่าจ้างว่าความให้โจทก์เป็นจำนวนหลายแสนบาท สำหรับการทำสัญญาจ้างโจทก์เป็นทนายความนอกมีกำหนด 3 ปี ซึ่งเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลามากกว่าที่จำเลยเคยทำสัญญาจ้างทนายความคนอื่นก็เพราะโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยด้วย จึงต้องเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าที่เสนอต่อทนายความคนอื่นซึ่งมิได้เป็นลูกจ้างจำเลยเพื่อจูงใจให้โจทก์ยอมรับเงื่อนไขการลาออกตามที่จำเลยเสนอ การกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจำเลยไม่ได้กระทำขึ้นเพื่อเจตนาหลอกลวงดังโจทก์อ้างการกระทำของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงโจทก์ตั้งแต่แรกในขณะโจทก์ลาออกจากการเป็นลูกจ้างจำเลยและขณะทำสัญญารับจ้างเป็นทนายความนอกให้แก่จำเลย ส่วนกรณีที่จำเลยไม่มอบคดีให้โจทก์ครบตามสัญญาดังโจทก์อ้าง ก็อาจเป็นเรื่องผิดสัญญา หาเป็นกลฉ้อฉลอันจะมีผลทำให้นิติกรรมการลาออกจากงานของโจทก์เป็นโมฆียะไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิบอกล้างนิติกรรม ใบลาออกของโจทก์จึงมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายและกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share