แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์อาศัยสิทธิความเป็นเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นมาฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่กรรมการแทนบริษัทซึ่งไม่ยอมฟ้องร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 โดยบทกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องที่บริษัทยังไม่เลิกและกรรมการทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ถ้าบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่กรรมการ ผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ แต่ปรากฏว่าในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ บริษัทถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทขีดชื่อออกจากทะเบียนไปแล้วโดยที่ไม่ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งให้จดชื่อบริษัทกลับคืนเข้าสู่ทะเบียน จึงต้องถือว่าบริษัทเป็นอันเลิกกันแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1264 (เดิม) แม้ตามบทกฎหมายดังกล่าวจะกำหนดว่า ความรับผิดของกรรมการ ของผู้จัดการและของผู้ถือหุ้นทุก ๆ คนมีอยู่อย่างไร ก็ให้คงมีอยู่อย่างนั้นและพึงเรียกบังคับได้เสมือนดั่งว่าบริษัทยังมิได้เลิกก็ตาม แต่ก็ได้ความว่า ในขณะฟ้องคดีนี้มีการตั้งจำเลยทั้งสามเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว และจำเลยทั้งสามก็มีหน้าที่ดำเนินการชำระบัญชีใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป บริษัทจึงอยู่ระหว่างการชำระบัญชีแล้ว ผู้มีอำนาจจัดการกิจการของบริษัทย่อมได้แก่จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ชำระบัญชีตามมาตรา 1259 หากจำเลยทั้งสามในฐานะผู้ชำระบัญชีปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายอย่างไรก็ต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจผู้ถือหุ้นหรือเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดฟ้องคดีแทนบริษัทในระหว่างชำระบัญชีได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนบริษัท ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 28,525,110 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่มีการขายที่ดินดังกล่าวเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัทคิงเดวิด จำกัด กับมีคำสั่งเพิกถอนการชำระบัญชีและการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีของบริษัท คิงเดวิด จำกัด โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีเงินเหลือหลังจากการชำระหนี้ให้ชำระคืนแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการชำระบัญชีและการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีของบริษัท คิงเดวิด จำกัด และให้จำเลยทั้งสามดำเนินการชำระบัญชีบริษัทคิงเดวิด จำกัด ใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป กับให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ กำหนดค่าทนายความ 50,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีในส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการชำระบัญชีและการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีของบริษัทคิงเดวิด จำกัด และให้จำเลยทั้งสามดำเนินการชำระบัญชีบริษัทคิงเดวิด จำกัด ใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไปนั้น ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์โต้แย้ง จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะในส่วนที่โจทก์มีคำขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 28,525,110 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันที่มีการขายที่ดินเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัทคิงเดวิด จำกัด ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกคำขอและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยโจทก์บรรยายคำฟ้องในส่วนนี้ว่า ในปี 2542 คณะกรรมการของบริษัทซึ่งประกอบไปด้วย จำเลยทั้งสามมีมติให้ขายที่ดินตามฟ้องซึ่งมีมูลค่า 28,525,110 บาท ตามงบการเงินสำหรับรอบปีบัญชี 2539 และ 2540 ให้แก่บริษัทซี – ซอนท์ จำกัด ไปในราคาซึ่งต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมและเงินที่ได้จากการขายที่ดินก็ไม่เคยโอนหรือนำมาบันทึกในงบการเงินของบริษัทคิงเดวิด จำกัด แต่กลับเบียดบังไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท ทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้น จำเลยทั้งสามในฐานะกรรมการของบริษัทจะต้องร่วมกันคืนเงินค่าที่ดินไม่น้อยกว่า 28,525,110 บาท ให้แก่บริษัทคิงเดวิด จำกัด เมื่อบริษัทคิงเดวิด จำกัด ไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสาม โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของบริษัทคิงเดวิด จำกัด จึงมีสิทธิดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสามได้ ในปี 2546 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทขีดชื่อบริษัทคิงเดวิด จำกัด ออกจากทะเบียน จนกระทั่งมีการจดทะเบียนตั้งผู้ชำระบัญชีและเสร็จการชำระบัญชีในปี 2549 และโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องวันที่ 27 ธันวาคม 2550 นั้น เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้เป็นการอาศัยสิทธิความเป็นเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นมาฟ้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่กรรมการแทนบริษัทซึ่งไม่ยอมฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 โดยบทกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องที่บริษัทยังไม่เลิกและกรรมการทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท ถ้าบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่กรรมการ ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ แต่ปรากฏว่าในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ บริษัทคิงเดวิด จำกัด ได้ถูกนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทขีดชื่อออกจากทะเบียนไปแล้ว โดยที่ไม่ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งให้จดชื่อบริษัท คิงเดวิด จำกัด กลับคืนเข้าสู่ทะเบียนแต่อย่างใด จึงต้องถือว่าบริษัทคิงเดวิด จำกัด เป็นอันเลิกกันแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246 (5) (เดิม) แม้ตามบทกฎหมายจะกำหนดว่า ความรับผิดของกรรมการ ของผู้จัดการและของผู้ถือหุ้นทุก ๆ คนมีอยู่เท่าไร ก็ให้คงมีอยู่อย่างนั้นและพึงเรียกบังคับได้เสมือนดั่งว่าบริษัทยังมิได้เลิกก็ตาม แต่ก็ได้ความว่าในขณะฟ้องคดีนี้มีการตั้งจำเลยทั้งสามเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว และจำเลยทั้งสามก็มีหน้าที่ดำเนินการชำระบัญชีใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป บริษัทคิงเดวิด จำกัด จึงอยู่ระหว่างชำระบัญชีแล้ว ผู้มีอำนาจจัดการกิจการของบริษัท คิงเดวิด จำกัด ย่อมได้แก่จำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259 หากจำเลยทั้งสามในฐานะผู้ชำระบัญชีปฏิบัติหน้าที่โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายอย่างไรก็ต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก เมื่อไม่มีบทกฎหมายให้อำนาจเจ้าหนี้หรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดมีอำนาจฟ้องคดีแทนบริษัทในระหว่างชำระบัญชีได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินค่าที่ดินแทนบริษัทคิงเดวิด จำกัด ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของโจทก์อีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำขอในส่วนนี้มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ