คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8815/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ คือ รายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหาย มิใช่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ซึ่งเป็นเอกสารที่เป็นผลมาจากการแจ้งดังกล่าว ดังนั้น การที่จำเลยใช้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) แสดงต่อธนาคาร พ. สาขาบ้านไร่ จึงไม่ใช่การใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน
ข้อ ก. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 เวลากลางวัน จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและแจ้งให้ร้อยตำรวจเอกปัญญาลักษณ์ พนักงานสอบสวนจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหาย อันเป็นเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1590 และ 1596 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ของจำเลยได้หายไป ความจริงแล้วหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ทั้งสองฉบับดังกล่าวมิได้สูญหาย แต่จำเลยได้มอบให้แก่บริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจ จำกัด ยึดไว้เป็นหลักประกันที่จำเลยกู้ยืมเงินของบริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจ จำกัด ไป โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ร้อยตำรวจเอกปัญญาลักษณ์ บริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจ จำกัด ผู้อื่นหรือประชาชน
ข้อ ข. ภายหลังจากการกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ก. แล้ว จำเลยนำรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายอันเป็นเอกสารราชการที่เกิดจากการแจ้งความเท็จไปใช้เป็นพยานหลักฐานและแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุทัยธานี สาขาบ้านไร่ ว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ทั้งสองฉบับได้หายไปเพื่อขอรับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ฉบับใหม่ ความจริงแล้วหนังสือไม่ได้หายไป จนเจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ฉบับใหม่ให้แก่จำเลยไป โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุทัยธานี สาขาบ้านไร่ ร้อยตำรวจเอกปัญญาลักษณ์ บริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจ จำกัด ผู้อื่นและประชาชน
ข้อ ค. เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2551 เวลากลางวัน จำเลยนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1590 ที่จำเลยได้มาจากการกระทำความผิดตามฟ้องข้อ ก. และข้อ ข. ไปใช้จดทะเบียนจำนองเป็นประกันเงินกู้ที่จำเลยกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบ้านไร่ ในวงเงิน 300,000 บาท ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบ้านไร่ ร้อยตำรวจเอกปัญญาลักษณ์ บริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจ จำกัด ผู้อื่นหรือประชาชน เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งคอก อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี และตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 137, 267, 268
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 267 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานกับฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน ฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267 จำเลยเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความเอง จึงให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 267 ตามมาตรา 268 วรรคสอง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน รวมเป็นจำคุก 18 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายอันเป็นเอกสารราชการและยังใช้อ้างรายงานดังกล่าว แสดงเป็นพยานหลักฐานและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) แทนฉบับเดิมที่จำเลยมอบให้แก่บริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจจำกัด ยึดถือไว้เป็นหลักประกันเงินกู้ ส่อแสดงถึงความไม่สุจริตของจำเลย ที่ประสงค์จะใช้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ไปจดทะเบียนจำนองกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบ้านไร่ ในวงเงิน 300,000 บาท นับว่าเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนหรือมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว ตลอดจนได้ชำระหนี้ให้แก่บริษัทอู่ทองสุพรรณทุนกิจ จำกัด เจ้าหนี้แล้วและเจ้าหนี้ไม่ติดใจเอาความกับจำเลย ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลย อย่างไรก็ตามเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคแรกเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้น หรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความนั้นเอง ให้ลงโทษตามมาตรานี้แต่กระทงเดียว หมายความว่าหากผู้ใช้หรือผู้อ้างเอกสารปลอมนั้น เป็นผู้ปลอมเอกสารหรือเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารด้วย ก็ให้ลงโทษฐานใช้หรืออ้างตามมาตรา 268 วรรคแรก แต่เพียงกระทงเดียว ไม่ต้องลงโทษฐานปลอมหรือฐานแจ้งด้วยอีกกระทงหนึ่ง ดังนั้น การที่จำเลยใช้เอกสารอันเกิดจากการแจ้งและเป็นผู้แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารด้วย จึงต้องลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการแจ้งแต่เพียงกระทงเดียว ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารกระทงหนึ่งและฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267 ด้วยอีกกระทงหนึ่ง จึงไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267 อีกกระทงตามฟ้องข้อ ค. ซึ่งหมายถึงกระทงความผิดฐานใช้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) อันเกิดจากการแจ้งตามฟ้องข้อ ก. และข้อ ข. แสดงต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบ้านไร่ นั้น เห็นว่า ตามฟ้องข้อ ก. และข้อ ข. เอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จคือ รายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหาย มิใช่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ซึ่งเป็นเอกสารที่เป็นผลมาจากการแจ้งดังกล่าว ดังนั้น การที่จำเลยใช้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) แสดงต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบ้านไร่ จึงไม่ใช่การใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 267 ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้มาด้วยอีกกระทง จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 267 แต่เพียงกระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง มีกำหนด 6 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนดเท่าโทษจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 และให้ยกฟ้องโจทก์ในฟ้องข้อ ค. นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

Share