แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยให้แจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบส.ค.1 ต่อนายอำเภอท้องที่โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านรับรองว่าข้อความถูกต้องและเป็นความจริงนั้นเป็นประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการ ไม่ใช่เป็นข้อกำหนดหน้าที่ของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านการเซ็นชื่อรับรองดังกล่าวเป็นแต่เพียงพยานเท่านั้น ไม่ใช่รับรองว่าหนังสือนั้นเป็นเสมือนหนังสือราชการ ดังนั้น หนังสือ ส.ค.1 นี้จึงไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
ถ้าหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ปลอมแบบ ส.ค.1 และได้ใช้ด้วยแล้วต้องลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง กระทงเดียว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2508 เฉพาะปัญหาแรก)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจปลอมแบบแจ้งการครอบครองที่ดินส.ค.1 เลขที่ 91 โดยเติมคำว่า “นายอ้าย ขันคำ อายุ 23 ปีเชื้อชาติไทย” และเขียนคำว่า “อ้าย” ทับชื่อคำว่า “ป้อ” และแก้เลขในช่องอายุจาก “43” เป็น “23” และเติมเลข “0” ลงหลังเลข “1” ตรงจำนวนเนื้อที่ดินจาก 1 ไร่เป็น 10 ไร่ เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารอันแท้จริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 266(1), 268 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265, 268 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ลดรับกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 3 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266 ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินตามแบบ ส.ค.1 เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 ด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(8) บัญญัติว่า”เอกสารราชการ” หมายความว่าเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือได้รับรองในหน้าที่และให้หมายความรวมถึงสำเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย
แบบแจ้งการครอบครองที่ดินที่โจทก์ฟ้องนี้เป็นเอกสารที่ผู้ครอบครองที่ดินทำยื่นต่อเจ้าพนักงานเพื่อแสดงว่ามีที่ดินอยู่ในความครอบครองของตนก่อนวันประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ไม่ใช่เอกสารที่เจ้าพนักงานทำขึ้น ตามที่โจทก์อ้างว่าได้มีประกาศของกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 1 ธันวาคม2497 ข้อ 1 กำหนดว่า ให้ผู้ครอบครองแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ ฯลฯ โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้านรับรองข้อความว่าถูกต้องตามความจริง จึงถือได้ว่าหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินที่จำเลยทำยื่นนั้นมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่แล้วจึงเป็นเอกสารราชการ ได้พิเคราะห์ประกาศกระทรวงมหาดไทยตามที่โจทก์อ้างนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงประกาศแจ้งให้ผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอยู่ก่อนวันใช้บังคับประมวลกฎหมายที่ดินไปแจ้งการครอบครองตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามประกาศดังกล่าวตามประกาศในข้อ 1 ที่ว่า ให้ผู้ครอบครองที่ดินแจ้งการครอบครองที่ดิน ฯลฯ ตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดินแบบ ส.ค.1 ท้ายประกาศนี้โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านรับรองข้อความว่าถูกต้องนั้น ก็เป็นประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้แจ้งการครอบครองที่ดินปฏิบัติส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นประกาศกำหนดหน้าที่ของกำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน การที่กำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเซ็นชื่อรับรองในหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินนั้น เป็นแต่เพียงพยาน ไม่ใช่รับรองว่าหนังสือนั้นเป็นเสมือนหนังสือราชการ มติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเห็นว่าหนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินแบบ ส.ค.1 ตามฟ้องโจทก์ไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 นั้น ความปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารและเป็นผู้ใช้เอกสารปลอมนี้ด้วยตามความในมาตรา 268 วรรค 2 บัญญัติให้ลงโทษตามมาตรา 268 นี้แต่กระทงเดียว
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 268กระทงเดียว นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์