แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักโคไป ต่อมาจำเลยรับไถ่ถอนโครายนี้ไว้ จำเลยจึงได้ลักหรือรับของของโจรโครายนี้ ต้องถือว่าฟ้องโจทก์บรรยายความผิดฉะเพาะฐานลักทรัพย์เท่านั้น ฐานรับของโจร+จะนับว่าเป็นข้อหาด้วยหาได้ไม่ฎีกาอุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง ๓ สมคบกันลักโคของ ส.ไป ต่อมาจำเลยรับไถ่ถอนโครายนี้ จำเลยจึงได้ลักหรือรับของโจรโครายนี้ ขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่ไดลักทรัพย์แต่จำเลยมีผิดฐานรับของโจรตาม ม.๓๒๑
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าความผิดฐานรับของโจรมิใช่ความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ที่จะให้ลงโทษจำเลย ฟ้องชนิตนี้จะรับพิจารณาฐานรับของโจรมิได้ คงรับได้แต่ฐานลักทรัพย์ฐานเดียว ซึ่งพะยานของโจทก์ก็ไม่เพียงพอ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตัดสินว่าข้อหาเรื่องลักทรัพย์ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ต้องถือว่าเด็ดขาดเพียงศาลอุทธรณ์แล้ว ในปัญหาเรื่องรับของโจรตามฟ้องของโจทก์ตอนแรกกล่าวว่าจำเลยลักทรัพย์จะกลับมากล่าวหาว่าจำเลยรับของโจรรายเดียวกันนั้นเป็นการขัดกันตรงกันข้าม ตาม ม.๑๕๘ (๒) แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญาต้องถือว่าโจทก์แจ้งฐานความผิดเพียงลักทรัพย์เท่านั้น ฐานรับของโจรจะนับว่าเป็นข้อหาด้วยมิได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์