แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งกำหนดระยะเวลาในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบในคำโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ต้องถือว่าเจ้าหนี้ทุกคนได้ทราบประกาศแล้ว ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องแจ้งเรื่องการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้โจทก์ทราบอีกชั้นหนึ่ง.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้แต่เกินกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในราชกิจจานุเบกษา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้โจทก์จึงร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นขอให้ทำการไต่สวนและรับคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ไว้พิจารณาดำเนินการต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า โจทก์ไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงชอบที่จะยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์เสียได้ ขอให้ศาลยกคำร้องของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดการไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องแจ้งกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ให้โจทก์ทราบ จะถือว่าเมื่อประกาศโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาแล้วโจทก์ย่อมทราบได้เองเป็นการไม่ชอบ ทั้งกรณีเช่นนี้พอเทียบเคียงได้กับคำฟ้องของโจทก์ในคดีแพ่งซึ่งหมายเรียกของศาลตามแบบพิมพ์เบอร์ 13ยังต้องแจ้งให้จำเลยทราบว่าให้ทำคำให้การแก้คดียื่นต่อศาลภายใน 8วัน ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังมิได้ปฎิบัติดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ยื่นเกินกำหนดระยะเวลาในกฎหมายอันจะทำให้โจทก์เสียสิทธิในการขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483มาตรา 91 ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้เสียภายในเวลา2 เดือนนั้น กฎหมายระบุไว้ชัดว่าให้นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นต้นไป และมาตรา 28 วรรค 2 ได้บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งกำหนดระยะเวลาในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายทราบในคำโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดดังกล่าว ดังนี้ต้องถือว่าเจ้าหนี้ทุกคนได้ทราบประกาศแล้ว การที่โจทก์เถียงว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องแจ้งเรื่องการยื่นคำขอรับชำระหนี้ให้โจทก์ทราบอีกชั้นหนึ่งจึงฟังไม่ขึ้นและกรณีเช่นนี้จะนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาอนุโลมใช้โดยอาศัยมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 ก็ไม่อาจกระทำได้ เพราะพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2482ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ความสำคัญผิดของโจทก์ในข้อกฎหมายก็ดีตลอดจนข้ออ้างว่าไม่ทราบประกาศของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวก็ดี ล้วนเป็นความบกพร่องของโจทก์เองทั้งสิ้น โจทก์จะอ้างมาเป็นข้อแก้ตัวเพื่อยื่นคำขอรับชำระหนี้ล่วงเลยระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นเด็ดขาดแล้วหาได้ไม่คำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับในคดีนี้ คำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.