คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8888/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างทำการจูงใจให้ลูกจ้างของผู้ร้องให้ไม่ทำงานล่วงเวลาในวันที่ 9 และวันที่ 10 กันยายน 2552 นั้น แม้การทำงานล่วงเวลาจะเป็นไปตามความสมัครใจของลูกจ้างของผู้ร้องตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 24 วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่ความสมัครใจนั้นต้องมิได้เกิดจากการชักจูงของบุคคลใด การที่ผู้คัดค้านจูงใจลูกจ้างของผู้ร้องไม่ให้ทำงานล่วงเวลาจึงเป็นการแทรกแซงอำนาจในการตัดสินใจของลูกจ้างผู้ร้องเพื่อมิให้ทำงานล่วงเวลาแก่ผู้ร้อง การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการต่อต้านอำนาจบังคับบัญชาของผู้ร้อง อันถือว่าผู้คัดค้านกระทำการอันเป็นปรปักษ์ต่อผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและเป็นการประพฤติตนอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ผู้ร้องจึงมีเหตุสมควรเลิกจ้างผู้คัดค้านได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นายสายยนต์ กรรมการลูกจ้าง ผู้คัดค้านใช้อิทธิพลข่มขู่บังคับลูกจ้างผู้ร้องไม่ให้ทำงานล่วงเวลาในวันที่ 9 ถึงวันที่ 10 กันยายน 2552 เป็นเหตุให้ผู้ร้องเสียหาย ขอให้ศาลอนุญาตผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จากข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่ศาลแรงงานกลางรับฟังเป็นยุติว่า ผู้คัดค้านเป็นลูกจ้างและกรรมการลูกจ้างของผู้ร้องในวันที่ 9 และวันที่ 10 กันยายน 2556 ลูกจ้างในโรงงานของผู้ร้องส่วนใหญ่ไม่ทำงานล่วงเวลาเนื่องจากผู้ร้องย้ายนายสุชาติ ประธานสหภาพแรงงานโออิชิ นวนคร ให้ไปทำงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยผู้คัดค้านมีส่วนในการจูงใจลูกจ้างผู้ร้องไม่ทำงานล่วงเวลา แต่มิได้ข่มขู่ลูกจ้าง แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำผู้คัดค้านจึงไม่ร้ายแรงถึงขนาดเป็นเหตุให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีเหตุสมควรเลิกจ้างผู้คัดค้านหรือไม่ เห็นว่า การที่ผู้คัดค้านทำการจูงใจให้ลูกจ้างของผู้ร้องให้ไม่ทำงานล่วงเวลาในวันที่ 9 และวันที่ 10 กันยายน 2552 นั้น แม้การทำงานล่วงเวลาจะเป็นไปตามความสมัครใจของลูกจ้างของผู้ร้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 24 วรรคหนึ่งก็ตาม แต่ความสมัครใจนั้นต้องมิได้เกิดจากการชักจูงของบุคคลใด การที่ผู้คัดค้านจูงใจลูกจ้างของผู้ร้องไม่ให้ทำงานล่วงเวลา จึงเป็นการแทรกแซงอำนาจในการตัดสินใจของลูกจ้างผู้ร้องเพื่อมิให้ทำงานล่วงเวลาแก่ผู้ร้อง การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการต่อต้านอำนาจบังคับบัญชาของผู้ร้อง อันถือว่าผู้คัดค้านกระทำการอันเป็นปรปักษ์ต่อผู้ร้องซึ่งเป็นนายจ้างและเป็นการประพฤติตนอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต ผู้ร้องจึงมีเหตุสมควรเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ ที่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าการกระทำของผู้คัดค้านไม่ถึงขนาดเป็นเหตุให้เลิกจ้างนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า อนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้าน

Share