แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยเรียงกะทงความผิดได้ในเมื่อปรากฎว่าจำเลยกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.218 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามม.243 +-276-299 ให้จำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้จำคุกตาม ม.297 -276 มีกำหนด 2 ปีดังนี้เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเข้าฉุดคร่าห์พาเจ้าทุกข์ไปข่มขืนกระทำชำเราในป่าแล้วยังกระชากสร้อยคอของเจ้าทุกข์ไปอีกด้วย จึงพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๔๓-๒๗๖-๒๙๙-๗๑ ให้จำคุก ๖ ปี
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีผิดฐานฉุดคร่าห์ไปเพื่ออนาจารตาม ม.๒๗๖ กะทงหนึ่งแลฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ม.๒๙๗ กะทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกัน จึงให้จำคุกจำเลยกะทงละ ๑ ปี รวม ๒ ปี
จำเลยฎีกาข้อเท็จจริง แลว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเรียงมาตราไม่ชอบ ควรลงโทษในบทที่หนัก
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ศาลลงโทษจำเลยเรียงกะทงนั้นชอบแล้ว แลฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลอุทธรณ์