แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้ปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.จำกัดแร่ดีบุก แลให้ริบแร่ของกลางเสีย ระหว่างอุทธรณ์จำเลยถึงแก่ความตายดังนี้ ถือ+คดีเป็นระงับไป +ของจำเลยจะร้องให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาฉะเพาะเรื่องริบแร่ของกลางไม่ได้ พ.ร.บ.จำกัดแร่ดีบุก พ.ศ.2474 ม.27 การริบแร่หรือไม่ตาม พ.ร.บ.จำกัดแร่ดีบุกนั้นเป็นโทษทางอาญา
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.จำกัดแร่ดีบุก แลให้ริบแร่ของกลาง ๗๐ หาบ ๖๒ ชั่งด้วย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ระหว่างอุทธรณ์จำเลยถึงแก่ความตาย ป.ผู้ร้องจึงร้องขอรับมฤดกความเพื่อขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาฉะเพาะแร่ของกลางต่อไป โดยอ้างว่า ถ้าศาลไม่ริบแร่แล้ว แร่ก็ตกเป็นมฤดกของทายาท ศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดี
ศาลฎีกาตัดสินว่าแร่ของกลางที่ศาลสั่งให้ริบ เป็นส่วนหนึ่งของโทษทางอาญาที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดตามมาตรา ๑๒ เมื่อจำเลยตายเสียก่อนระหว่างคดียังไม่เด็ดขาดความชอบธรรมที่จะฟ้องร้องก็ต้องเป็นอันระงับไปตามมาตรา ๗๗ จึงไม่มีความจำเป็นที่ผู้ร้องจะต้องมาขอรับมฤดกความเพื่อให้ศาลพิจารณาแลพิพากษาอีก จึงมีคำสั่งยืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องเสีย