คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนางจีนร่วมกับจำเลยแทนผู้เยาว์ ในคดีดำที่ 99/2494 แล้ว ต่อมานายสมจิตบิดาผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องฉะเพาะจำเลยแทนผู้เยาว์อีกคดีหนึ่งทั้งทรัพย์พิพาทและพยานหลักฐานก็อย่างเดียวกัน แต่อ้างว่าอัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์ ในคดีดำที่ 99/2494 มีอำนาจฟ้องเฉพาะนางจีนผู้บุพการีของผู้เยาว์เท่านั้น ดังนี้การชี้ขาดตัดสินคดีเรื่องนี้จำต้องรอฟัง คำชี้ขาดตัดสินในคดีดำที่ 99/2494 นั้นก่อนตาม ป.วิ.แพ่ง ม.39

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องนายเสริมและนางเจียรว่า เมื่อประมาณ ๒๓ ปีมานี้นางอ่องและนางสาวนองได้ยกกรรมสิทธิที่เฉพาะส่วนตามโฉนดที่ ๑๓๓๔๔,๑๓๓๕๑,๑๓๓๘๑, ตำบลดำหรุ(ม่วงงาม) อำเภอบ้านลาด(เมือง) จังหวัดเพ็ชรบุรี ให้แก่นางแม้นมารดาโจทก์ นางอ่องนางสาวนองและนางแม้น ได้ตายไปแล้ว โจทก์เป็นทายาทโดยชอบธรรมของนางแม้น บัดนี้นางจีนผู้เป็นยายโจทก์กับจำเลยซึ่งเป็นลุงป้า ได้สมคบกันโอนทะเบียนใส่ชื่อของนางจีนและจำเลย พนักงานอัยการได้ฟ้องนางจีนนายเสริมนางเจียรไว้เรื่องหนึ่งแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการทะเบียน แล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของ
จำเลยต่อสู้ว่า นางจีนเท่านั้นเป็นทายาทโดยชอบธรรมและเป็นผู้รับมรดกคนเดียวของนางอ่องนางสาวนองและตัดฟ้องโจทก์ซ้ำ
โจทก์แถลงรับว่า
๑. พนักงานอัยการได้ดำเนินคดีแทนเด็กหญิงมารีและเด็กชายคมแล้ว โดยฟ้องนางจีนซึ่งเป็นยายของเด็กร่วมกับจำเลย
๒. ทรัพย์พิพาทในคดีนี้เป็นทรัพย์รายเดียวกับคดีนั้น
๓. ประเด็นข้อพิพาทและพยานหลักฐานก็อย่างเดียวกัน
ศาลจังหวัดเพ็ชรบุรีเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม. ๑๗๓(๑) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า แม้พยานหลักฐานและข้อนำสืบอย่างเดียวกันก็จริง แต่เป็นกรณีที่อัยการมีอำนาจเป็นโจทก์แทนเด็กหญิงมารี เด็กชายคม ฟ้องนางจีนผู้บุพการีเท่านั้น คำฟ้องของพนักงานอัยการคดีดำที่ ๙๙/๒๔๙๔ ดังกล่าวไม่ผูกพันจำเลยที่ ๑ ที่ ๒
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นแห่งคดีนี้มีเหตุอันควรจะได้ฟังการวินิจฉัยในคดี ๙๙/๒๔๙๔ ก่อนว่า พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑-๒ หรือไม่ กรณีต้องด้วย วิ.แพ่ง ม.๓๙ ซึ่งมีว่า ถ้าการชี้ขาดตัดสินคดีเรื่องใดที่ต้องพิจารณาอยู่ จำต้องอาศัยทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งคำชี้ขาดตัดสินบางข้อที่ศาลนั้นเอง หรือศาลอื่นแล้ว ศาลจะมีคำสั่งให้เลื่อนคดีไปจนกว่าจะได้มีคำพิพากษาหรือข้อชี้ขาดในข้อนั้น ๆ ก็ได้
ศาลฎีกาจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้รอคดีไว้รอฟังคำวินิจฉัยในคดี ๙๙/๒๔๙๔ แล้วจึงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป

Share