แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อันพบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงินค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่นๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัสดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลย 5 คนนี้ กับนายไพบูลย์ ไปเที่ยวยิงนกมีหนังสติ๊กไป 2 อัน พบเจ้าทรัพย์ทั้งสองเดินทางสวนมา พวกจำเลยร้องพูดว่า ตรวจ ๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้นเจ้าทรัพย์ทั้งสองจึงหยุดให้ตรวจค้น นายทองดีจำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงิน ค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่น ๆ รับมาถือไว้ นายจะทอเจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน นายทองดีจำเลยพูดว่านายจะทอหัวแข็ง แล้วใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันนายจะทอ 1 ที ถูกสบักซ้ายเป็นบาดแผลสาหัส โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทุกคนนอกจากนายป่วนจำเลยตามฟ้องจำคุกคนละ 10 ปี ยกฟ้องนายป่วนจำเลย
ศาลอุทธรณ์แก้ว่า จำเลยที่ 1 มีผิดตามมาตรา 299 จำคุก 4 ปี ปล่อยจำเลยที่ 3, 4, 5
โจทก์ฎีกา แต่จำเลยที่ 1 หลบหนีเรือนจำ จึงให้จำหน่ายคดีเสีย คงพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ 3, 4, 5
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามรูปเรื่องพอฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส จำเลยมีหนังสติ๊ก ถือไป 2 อันซึ่งตามธรรมดาหนังสติ๊กเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่น ไม่ใช่ศาสตราวุธตามกฎหมายจำเลยสมคบกันทำการชิงทรัพย์โดยไม่มีศาสตราวุธไป จึงไม่มีผิดฐานปล้นทรัพย์ตอนที่จำเลยแย่งเอาดาบมาได้และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ ก็ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301
พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 3, 4, 5 มีผิดตามมาตรา 300 ตอนสองให้จำคุกคนละ7 ปี ลดฐานรับสารภาพชั้นสอบสวนคงจำคุกคนละ 4 ปี 8 เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์