คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8854/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระเบียบข้อบังคับในการทำงานของนายจ้างที่กำหนดให้การประพฤติตัวเป็นอันธพาลและกระทำผิดทางอาญาต่อเพื่อนร่วมงานเป็นระเบียบวินัยที่ลูกจ้างฝ่าฝืนไม่ได้ ซึ่งนายจ้างอาจลงโทษได้ถึงเลิกจ้างนั้น ต้องอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4)
น. และ ป. ลูกจ้างโจทก์ทำร้ายร่างกาย พ. ลูกจ้างโจทก์ด้วยกันเพียงคนเดียว สาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทกันด้วยเรื่องส่วนตัว มิใช่ น. และ ป. เกะกะระรานหาเรื่อง พ. แต่ฝ่ายเดียว การกระทำของบุคคลทั้งสองยังไม่ถึงขนาดประพฤติตนเป็นพาลเกเรแกล้งทำให้ พ. เดือดร้อนโดยไม่มีสาเหตุ อันเป็นการประพฤติตนเป็นคนเกะกะระรานตามความหมายของคำว่าอันธพาล ทั้งเป็นเรื่องลูกจ้างทำร้ายกันเองนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ไม่เกี่ยวกับกิจการของโจทก์โดยตรง จึงไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้าง ถือไม่ได้ว่าบุคคลทั้งสองฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในการทำงานของโจทก์กรณีร้ายแรงตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) โจทก์เลิกจ้างบุคคลทั้งสองจึงต้องจ่ายค่าชดเชย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 5/2546 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2546 ของจำเลย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ประกอบกิจการผลิตวัสดุก่อสร้างวัตถุมวลเบา โจทก์เลิกจ้างนายนิรันดร์ และนายประเสริฐศักดิ์ ลูกจ้าง เนื่องจากบุคคลทั้งสองทะเลาะวิวาททำร้ายนายพลากร ลูกจ้างโจทก์อีกคนหนึ่งด้วยสาเหตุส่วนตัว นอกสถานที่ทำงานและนอกเวลาทำงาน กิจการของโจทก์ไม่ใช่การบริการที่ต้องติดต่อกับบุคคลภายนอก การกระทำของบุคคลทั้งสองไม่มีผลกระทบต่อกิจการของโจทก์ ไม่ทำให้เสียการบริหาร การปกครอง หรือชื่อเสียงของโจทก์ ทั้งเป็นความผิดลหุโทษ จึงไม่ใช่การฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับกรณีร้ายแรง โจทก์ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ แก่บุคคลทั้งสอง ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยว่าการที่นายนิรันดร์ และนายประเสริฐศักดิ์ ทำร้ายร่างกายนายพลากรด้วยสาเหตุส่วนตัว นอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน เป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในการทำงานของโจทก์กรณีร้ายแรงตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) หรือไม่ เห็นว่า ระเบียบข้อบังคับในการทำงานของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างที่กำหนดให้การประพฤติตัวเป็นอันธพาลและกระทำผิดทางอาญาต่อเพื่อนร่วมงานเป็นระเบียบวินัยที่ลูกจ้างฝ่าฝืนไม่ได้ ซึ่งโจทก์อาจลงโทษได้ถึงเลิกจ้างนั้น ต้องอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) ด้วย แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่านายนิรันดร์และนายประเสริฐศักดิ์ลูกจ้างโจทก์ทำร้ายร่างกาย นายพลากรลูกจ้างโจทก์ด้วยกันเพียงคนเดียว แต่สาเหตุก็เกิดจากการทะเลาะวิวาทกันด้วยเรื่องส่วนตัว หาใช่นายนิรันดร์และนายประเสริฐศักดิ์เกะกะระรานหาเรื่องนายพลากรแต่ฝ่ายเดียวไม่ การกระทำของบุคคลทั้งสองยังไม่ถึงขนาดประพฤติเป็นพาลเกเรแกล้งทำให้นายพลากรเดือดร้อนโดยไม่มีสาเหตุ อันเป็นการประพฤติตนเป็นคนเกะกะระรานตามความหมายของคำว่าอันธพาล ทั้งเป็นเรื่องลูกจ้างทำร้ายกันเองนอกสถานที่ทำงานและนอกเวลางาน ไม่เกี่ยวกับกิจการของโจทก์โดยตรง และไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของโจทก์ ถือไม่ได้ว่าบุคคลทั้งสอง ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับในการทำงานของโจทก์กรณีร้ายแรงตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) อันโจทก์จะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ที่จำเลยมีคำสั่งที่ 5/2546 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2546 ให้โจทก์จ่าย ค่าชดเชยแก่บุคคลทั้งสองนั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share