แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ปากกาหมึกซึมเป็นของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกคนร้ายลักไปจากโกดังเก็บสินค้าที่สนามบิน จำเลยรับซื้อปากกาเหล่านั้นไว้โดยรู้ว่าเป็นของไม่บริสุทธิ์แล้วเอามาขายให้โจทก์ซึ่งรับซื้อไว้โดยสุจริตภายหลังตำรวจมายึดเอาปากกาไปจากโจทก์แล้วคืนให้เจ้าของไปตามคำพิพากษาของศาล ถือว่าทรัพย์สินที่ซื้อขายกันหลุดไปจากโจทก์เพราะเหตุแห่งการรอนสิทธิ จำเลยผู้ขายต้องคืนเงินค่าปากกาให้โจทก์ผู้ซื้อ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีอาชีพค้าขาย ใช้ชื่อร้านว่า “แสงไทยพาณิชย์” อยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ทำการจำหน่ายนาฬิกา ปากกา เครื่องพิมพ์ดีดและสินค้าชนิดอื่น ๆ จำเลยมีอาชีพค้าขายใช้ชื่อร้านว่า “ของขวัญ” อยู่ในถนนเดียวกับร้านโจทก์ จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม2510 เวลากลางวัน จำเลยได้นำปากกายี่ห้อเชฟเฟอร์จำนวน 70 ด้ามมาขายให้โจทก์ในราคาด้ามละ 150 บาท รวมเป็นเงิน 10,500 บาท โจทก์เชื่อถือจำเลยมานานแล้วเชื่อว่าจำเลยได้มาโดยสุจริต จึงตกลงซื้อและได้ชำระค่าปากกาให้จำเลยในวันนั้น 5,000 บาท แล้วออกเช็คสั่งจ่ายเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2510 เป็นเงิน อีก 5,500 บาท ต่อมาวันที่ 31 ตุลาคม 2510 เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดปากกาดังกล่าวไปจากร้านโจทก์ทั้งหมดโดยอ้างว่าเป็นของกองทัพสหรัฐอเมริกาซึ่งถูกคนร้ายลักไปจากโกดังเก็บสินค้าที่สนามบินจังหวัดอุบลราชธานี โจทก์จึงสั่งอายัดเช็คของโจทก์ที่สั่งจ่ายให้จำเลยเพื่อชำระค่าปากกา จำเลยได้มาฟ้องโจทก์เรียกเงินตามเช็ค และเจ้าพนักงานจับคนร้ายที่ลักปากกาได้ศาลพิพากษาลงโทษ คดีถึงที่สุด ปากกาที่จำเลยนำมาขายให้โจทก์ที่ถูกยึดไป เจ้าพนักงานได้คืนให้ผู้เสียหายไปทั้งหมดแล้ว โจทก์ได้รับความเสียหายจากการฉ้อฉลของจำเลย ชอบที่โจทก์จะเรียกเงินคืนจากจำเลยฐานลาภมิควรได้ จึงขอให้จำเลยคืนเงิน 5,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าจำเลยซื้อปากกาเซฟเฟอร์มาจากบุคคลภายนอกก็ดีและเอามาขายให้โจทก์ก็ดี เป็นการซื้อขายกันโดยสุจริต จำเลยได้ปากกามาก็โดยเสียค่าตอบแทน ขอให้ยกฟ้อง
ในวันชี้สองสถาน จำเลยรับว่าจำเลยได้ขายปากกาให้โจทก์รวมราคา 10,500 บาท และจำเลยได้รับเงินค่าปากกาเป็นเงิน 5,000 บาทจากโจทก์ไปแล้วจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยซื้อปากกานั้นมาโดยสุจริตไม่ทราบว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิด และได้ขายให้โจทก์โดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเงิน 5,000 บาทที่โจทก์ชำระให้จำเลยไปแล้วจากจำเลย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยรับซื้อปากกาไว้โดยไม่สุจริต แล้วนำมาขายให้แก่โจทก์ ต่อมาบุคคลซึ่งมีสิทธิเหนือปากกาดังกล่าวได้รับปากกาไปแล้วการที่จำเลยได้รับเงิน 5,000 บาทไว้จากโจทก์ จึงเป็นการรับโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบจำเลยจึงต้องรับผิดคืนเงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยคืนเงิน 5,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าโจทก์รับซื้อปากกาไว้โดยเชื่อว่าจำเลยได้ปากกามาโดยสุจริต และเห็นว่าจำเลยไม่ได้ซื้อจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น แสดงอยู่แก่ใจแล้วว่าของนั้นน่าจะไม่บริสุทธิ์ พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยผู้ขายไม่สุจริต โดยได้รู้ถึงความบกพร่องแห่งสิทธิในทรัพย์สินอยู่แล้วในเวลาซื้อขาย และปากกาที่ซื้อขายกันทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดและคืนให้เจ้าของที่แท้จริงไปแล้ว เมื่อทรัพย์สินที่ซื้อขายนั้นหลุดไปจากผู้ซื้อทั้งหมด เพราะเหตุแห่งการรอนสิทธิซึ่งโจทก์ผู้ซื้อไม่ได้รู้เห็นในเวลาซื้อขายเช่นนี้ ผู้ขายย่อมต้องรับผิดในการรอนสิทธินั้น ดังนั้น เงินค่าปากกา 5,000 บาท จึงต้องคืนให้โจทก์ไป
พิพากษายืน