คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูแลโกดังของ ส.ร.ส. ได้สมคบกับคนร้ายปล้นทรัพย์ของ ส.ร.ส. ไป ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ปกครองรักษาทรัพย์นั้น เป็นแต่ถูกจัดให้มาเป็นยามเฝ้าโกดังเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจยานนาวา มีหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูแลโกดังสำลีของชนชาติญี่ปุ่น ได้สมคบกับจำเลยที่ ๒-๓ และพวกที่หลบหนี ทำการปล้นทรัพย์ของชนชาติญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในความควบคุมครอบครองของคณะกรรมการควบคุมจัดกิจการ หรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติ (เรียกชื่อโดยย่อในขณะนั้นว่า ส.ร.ส.) ไป นอกจากนั้นยังหาว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิด กลับป้องกันขัดขวางมิให้ ส.ต.ท.สมบุญกับพวกทำการจับกุมพวกจำเลย จำเลยทั้ง ๓ ต่างให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปี ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๑ ที่แก้ไขเพิ่มเติม เพิ่มโทษจำเลยที่ ๓ ฐานไม่เข็ดหลาบ กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๓ ไว้ ๑๕ ปี และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ไม่มีผิดฐานปล้นทรัพย์ เพราะจำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองรักษาทรัพย์รายนี้ แล้วสมคบกับผู้อื่นให้มาขนเอาทรัพย์หนีไป จำเลยมีผิดฐานทุจจริตต่อหน้าที่ ยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๓๑ แต่โจทก์ไม่ได้ขอ, ลงโทษจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ นอกนั้นยืนตาม
โจทก์, จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ ไม่มีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้รับมอบหมายให้ปกครองรักษาทรัพย์นั้น แต่ถูกจัดมาให้เป็นยามเฝ้าดูแลโกดังเท่านั้น และได้ความว่า สำนัก ส.ร.ส.เป็นผู้รักษาใส่กุญแจโกดัง มีกระดาษผนึกปิดตีตรา กุญแจเจ้าหน้าที่ ส.ร.ส.เป็นผู้รักษา แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ได้ร่วมสมคบกันปล้นทรัพย์รายนี้
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีจำเลยที่ ๑ ตามศาลชั้นต้นนอกนั้นยืนตาม.

Share