คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังยื้อแย่งปืนกับผู้ตาย จำเลยที่ 1 ได้ร้องบอกจำเลยที่ 2 ว่า เทยิง ๆ นายเทจำเลยที่ 2 ก็ได้ใช้ปืนยิงผู้ตาย การที่จำเลยที่ 1 ร้องบอกให้จำเลยที่ 2 ยิงผู้ตายเช่นนี้เป็นการร้องบอกให้ช่วยกันทำร้ายผู้ตายตามมูลกรณีที่จำเลยที่ 1 มีต่อผู้ตาย การที่จำเลยที่ 2 ได้ใช้ปืนยิงผู้ตายก็เป็นการแสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองจึงเป็นตัวการด้วยกัน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้ปืนยิงนายจิตต์ บุญหนุน โดยจำเลยมีเจตนาฆ่า นายจิตต์ได้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ และริบปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันฆ่าคนตายโดยเจตนา พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๒๐ ปี ริบปืนของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ได้ยิงผู้ตาย แต่พยานโจทก์ว่า ขณะที่จำเลยที่ ๑ ยื้อแย่งปืนกับผู้ตายนั้น จำเลยที่ ๑ ร้องว่า เทยิง ๆ ปัญหามีว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร้องเช่นนั้นจริงหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามพยานโจทก์ รูปคดีไม่มีเหตุสงสัยพยานโจทก์ว่าจะแกล้งปรักปรำจำเลยที่ ๑ จึงเชื่อได้ว่าในขณะที่จำเลยที่ ๑ ยื้อแย่งปืนกับผู้ตาย จำเลยที่ ๑ ได้ร้องว่า เทยิง ๆ แล้วนายเทก็ยิงผู้ตาย การที่จำเลยที่ ๑ ร้องว่า เทยิง ๆ แล้วนายเทจำเลยที่ ๒ ก็ยิงผู้ตาย เช่นนี้ จะถือได้หรือไม่ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมยิงผู้ตายกับจำเลยที่ ๒ ด้วย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีนี้ ก่อนที่จำเลยที่ ๑ จะร้องบอกให้จำเลยที่ ๒ ยิงผู้ตาย จำเลยที่ ๑ กับผู้ตายได้ยื้อแย่งปืนกันอยู่ใกล้ ๆ จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ กับผู้ตายได้ก่อชะนวนแห่งการวิวาทกันขึ้นแล้ว เหตุที่จำเลยที่ ๑ กับผู้ตายจะทำร้ายซึ่งกันและกันมีขึ้นแล้ว ฉะนั้น การที่จำเลยที่ ๑ ร้องบอกจำเลยที่ ๒ ว่า เทยิง ๆ จึงเป็นการร้องบอกให้ช่วยกันทำร้ายผู้ตายตามมูลกรณีที่จำเลยที่ ๑ มีต่อผู้ตาย การที่จำเลยที่ ๒ ใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายกำลังยื้อแย่งปืนกับจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๑ ร้องบอกดังกล่าว แสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยที่ ๒ ได้ร่วมกระทำความผิดในเหตุที่จำเลยที่ ๑ มีอยู่แล้วนั่นเอง จึงถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมยิงผู้ตายกับจำเลยที่ ๒ ด้วย พยานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันว่าจำเลยทั้งสองร่วมยิงผู้ตายถึงแก่ความตายดังโจทก์ฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วย เว้นแต่ข้อที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบปืนแก๊ปกระบอกที่จำเลยที่ ๑ ยื้อแย่งกับผู้ตายนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยเพราะไม่ปรากฏว่าปืนกระบอกนี้ได้ใช้ในการกระทำผิดอย่างไร ยื้อแย่งกันด้วยเหตุอะไรก็ไม่ปรากฏ ควรคืนปืนกระบอกนี้ให้จำเลยที่ ๑
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะที่พิพากษาให้ริบปืนแก๊ปของกลาง เป็นว่า ปืนแก๊ปของกลางไม่ริบ ให้คืนให้จำเลยที่ ๑ ไป นอกจากที่แก้แล้วให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาจำเลย.

Share