คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8821/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 ซึ่งการมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตดังกล่าวเป็นความผิดติดต่อกันตลอดเวลาที่มีการครอบครองไม้ของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อ พ. เป็นผู้ครอบครองไม้พะยูงแปรรูปของกลาง โดยจำเลยทั้งสองเป็นเพียงนายหน้าในการติดต่อประสานขายไม้แปรรูปของกลางดังกล่าวให้แก่ พ. กับสายลับในช่วงเวลาที่ไม้แปรรูปของกลางอยู่ในความครอบครองของ พ. การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในขณะที่ พ. กระทำความผิด จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้สนับสนุน พ. กระทำความผิดฐานมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 48 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับ พ. และจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2561)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4, 6, 7, 48, 73, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง (เดิม), 73 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง (เดิม), 73 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำเลยที่ 1 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2 จำคุก 8 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ยกคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับเนื่องจากศาลมิได้พิพากษาลงโทษปรับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกสิ่งแวดล้อมพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลา และสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจชุดเฉพาะกิจศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สายลับติดต่อนัดหมายจำเลยที่ 1 เพื่อติดต่อขอซื้อไม้พะยูง หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 พาไปพบจำเลยที่ 2 ผู้ซึ่งจะพาไปดูไม้พะยูง จำเลยทั้งสองพาไปถึงจุดที่มีไม้พะยูงของกลางโดยมีนายไพศาล นั่งอยู่บริเวณกองไม้ดังกล่าว เมื่อเจ้าพนักงาน สายลับ และจำเลยทั้งสองไปดูไม้พะยูงในจุดที่ 2 เจ้าพนักงานอีกส่วนหนึ่งร่วมกันจับกุมนายไพศาลพร้อมยึดไม้พะยูงแปรรูป 20 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตรรวม 0.74 ลูกบาศก์เมตร ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นของกลาง นายไพศาลให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษเป็นคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1869/2557 ต่อมาพนักงานอัยการแจ้งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกับนายไพศาลมีไม้พะยูงแปรรูป 20 แผ่น/เหลี่ยม จำนวนเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า สายลับติดต่อกับจำเลยที่ 1 เพื่อซื้อไม้พะยูง จำเลยที่ 1 พาสายลับไปพบจำเลยที่ 2 ผู้ซึ่งจะพาไปดูไม้พะยูงของกลางพบนายไพศาล เจ้าพนักงานจับนายไพศาลพร้อมยึดไม้พะยูงแปรรูป 20 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.74 ลูกบาศก์เมตร เป็นของกลาง ต่อมาจำเลยทั้งสองถูกแจ้งข้อหาร่วมกับนายไพศาลมีไม้พะยูงแปรรูปจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 พาสายลับไปซื้อไม้พะยูงดังกล่าวจึงเป็นผู้ครอบครองหรือร่วมกับนายไพศาลครอบครองไม้พะยูง อันเป็นตัวการร่วมกระทำความผิด มิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนนายไพศาลกระทำความผิด โจทก์จึงไม่จำต้องบรรยายฟ้องให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 70 ทั้งการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือ ให้ความสะดวกในการที่นายไพศาลกระทำความผิดฐานมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับนายไพศาล ศาลชั้นต้นจึงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนหรือให้ความสะดวกในการที่นายไพศาลมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงชอบแล้ว พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 70 เป็นบทเฉพาะมิได้ลบล้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 อันเป็นบททั่วไป ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จำเลยทั้งสองและนายไพศาล จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1869/2557 ของศาลชั้นต้น กับพวก ร่วมกันมีไม้พะยูงแปรรูปอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และเป็นไม้ในป่า จำนวน 20 แผ่น/เหลี่ยม รวมปริมาตร 0.74 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองของจำเลยทั้งสองกับพวก โดยไม่ได้รับอนุญาต และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 อันเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 ซึ่งการมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตดังกล่าวเป็นความผิดติดต่อกันตลอดเวลาที่มีการครอบครองไม้ของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมาได้ความว่า นายไพศาลเป็นผู้ครอบครองไม้พะยูงแปรรูปของกลาง โดยจำเลยทั้งสองเป็นเพียงนายหน้าในการติดต่อประสานขายไม้แปรรูปของกลางดังกล่าวให้แก่นายไพศาลกับสายลับในช่วงเวลาที่ไม้แปรรูปของกลางอยู่ในความครอบครองของนายไพศาล การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในขณะที่นายไพศาลกระทำความผิด จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้สนับสนุนนายไพศาลกระทำความผิดฐานมีไม้พะยูงแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับนายไพศาล และจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง (เดิม), 73 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุกคนละ 8 เดือน เมื่อลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 เดือน ยกคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับ

Share