คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ผิดสัญญา โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๐๖ จำเลยทำสัญญาจะแบ่งขายที่ดินของจำเลยให้โจทก์ราคา ๒,๐๐๐ บาท โจทก์วางมัดจำแล้ว ๕๐๐ บาท กำหนดชำระเงินให้หมดสิ้นในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๖ ถึงวันกำหนด โจทก์นำเงินไปชำระ จำเลยไม่รับ และไม่ยอมขายที่ดินขอให้บังคับให้จำเลยขายที่ดิน
จำเลยให้การว่า ถึงกำหนดจำเลยได้เรียกโจทก์มา ได้เตือนให้โจทก์ให้โจทก์ไปอำเภอและชำระเงินที่ค้าง จำเลยจะจัดการทำนิติกรรมโอนให้โจทก์ โจทก์ขอผลัด จะชำระให้เดือน ๓ จำเลยไม่ยอมโจทก์ผิดนัด จำเลยมีสิทธิรับเงินมัดจำโจทก์ไม่ได้นำเงินไปชำระให้แก่จำเลย
ถึงวันนัดสืบพยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ สั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ตามคำให้การจำเลยถือได้เพียงว่าโจทก์ผิดสัญญา ซึ่งก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลยที่จะบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๖, ๓๘๗ แต่จำเลยไม่ได้บอกเลิกสัญญาแก่โจทก์ โจทก์จำเลยยังมีความผูกพันตามสัญญาที่ทำกันไว้ ส่วนสิทธิที่จะริบเงินมัดจำนั้น ต้องเป็นกรณีที่ได้มีเลิการสัญญากันแล้ว แต่จำเลยหาได้บอกเลิกสัญญาไม่ พิพากษาให้จำเลยขายที่ดินแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การจะบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา จะต้องพิจารณาว่า จำเลยละเลยไม่ชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๑๓ หรือไม่ จำเลยอ้างว่าโจทก์ผิดนัด จำเลยมีสิทธิริบมัดจำได้ตามมาตรา ๓๗๘ (๒) ไม่ใช่จะริบได้เมื่อบอกเลิกสัญญาเท่านั้น หากจะบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดิน โจทก์จะต้องชำระหนี้ของตนตอบแทนตามมาตรา ๓๖๙ การวินิจฉัยคดีอยู่ที่ฝ่ายใดผิดสัญญา มิใช่อยู่ที่ความผูกพันตามสัญญาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้สืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องคำให้การคดีมีประเด็นว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ซึ่งจำเลยให้การว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญา เพราะไม่ชำระราคาซื้อที่ดินที่ค้างภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๖ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ดังจำเลยต่อสู้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๔ ต้องฟังว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญา และตามมาตรา ๓๖๙ ต้องฟังว่าโจทก์ยังไม่ได้ชำระหนี้ค่าซื้อที่ดินที่ค้าง จำเลยยังไม่ต้องไปจัดการโอนที่ดินให้โจทก์เพราะสัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ผิดสัญญา ต่อมาโจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้ เพราะการชำระหนี้จะให้สำเร็จผลเป็นอย่างใด ลูกหนี้จะต้องขอปฏิบัติชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้เป็นอย่างนั้นโดยตรง ตามมาตรา ๒๐๘ วรรคแรก ทั้งฟังไม่ได้อีกว่าจำเลยได้ละเลยไม่ชำระหนี้ตามมาตรา ๒๑๓ คดีต้องสืบพยานคู่ความต่อไป
พิพากษายืน

Share