คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8819/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่ากัน ให้บุตรทั้งสองอยู่ในอำนาจปกครองของโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและแบ่งสินสมรส จำเลยอุทธรณ์เฉพาะประเด็นเรื่องเหตุหย่าเพียงประการเดียว จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยใช้ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแก่โจทก์เดือนละ 15,000 บาท และให้ออกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของบุตรทั้งสอง เช่น ค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าเรียนพิเศษร่วมกับโจทก์คนละครึ่ง นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นไปจนกว่าบุตรทั้งสองจะเรียนจบชั้นปริญญาตรี ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองเพียงผู้เดียว แต่ให้จำเลยมีสิทธิไปเยี่ยมบุตรทั้งสองหรือรับบุตรทั้งสองไปอยู่กับจำเลยได้ตามความเหมาะสมด้วยความสมัครใจของบุตรทั้งสอง ให้จำเลยแบ่งสินสมรสตามบัญชีทรัพย์สินสมรสท้ายรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 24 กันยายน 2551 (หรือเอกสารหมาย จ. 8) รวมทั้งหุ้นกู้บริษัทปูนซีเมนต์ไทยจำกัด (มหาชน) จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่า 10,000,000 บาท กับพันธบัตรออมทรัพย์ช่วยชาติมูลค่า 20,550,000 บาท ให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากทรัพย์สินอันใดไม่สามารถแบ่งได้ ให้นำออกขายโดยประมูลราคาระหว่างโจทก์กับจำเลย หรือนำออกขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลตามทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้โจทก์และจำเลยหย่ากัน ให้บุตรทั้งสองอยู่ในอำนาจปกครองของโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้งสองและแบ่งสินสมรส คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้กับคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 (3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ใช้บังคับในขณะยื่นฟ้อง เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร และให้จำเลยแบ่งสินสมรสให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง แต่จำเลยอุทธรณ์เฉพาะประเด็นเรื่องเหตุหย่าเพียงประการเดียวซึ่งเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ส่วนประเด็นในเรื่องการแบ่งสินสมรส ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องชำระค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share