คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทซึ่งขณะยื่นฟ้องมีค่าเช่า ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้ เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่พิพาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 ที่จำเลยฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องว่าเจ้าของที่ดินมิได้ต่อสัญญาเช่าแก่โจทก์โจทก์อยู่ในที่ดินอย่างละเมิดเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายการเถียงข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย มีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ถือสิทธิการเช่าที่ดินของวัด นายสมจิตต์ เตียเหลียงขออาศัยโจทก์ปลูกกระต๊อบอยู่ชั่วคราวโดยสัญญาว่า หากโจทก์ต้องการใช้ที่ดินเมื่อไรจะรื้อกระต๊อบออกทันที ต่อมานายสมจิตต์ถึงแก่กรรม จำเลยและบริวารได้อาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน โจทก์ประสงค์จะใช้ที่ดินต่อเติมบ้านจึงแจ้งใหจำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่เช่าของโจทก์ จำเลยทราบแล้วเพิกเฉยทำให้โจทก์เสียหายไม่สามารถใช้ที่ดินดังกล่าวได้คิดเป็นค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารให้รื้อถอนบ้านออกไปจากที่เช่าของโจทก์ โดยให้จำเลยออกค่าใช้จ่ายเอง กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 5,000 บาท ถึงวันฟ้องเป็นเงิน10,000 บาท และนับจากวันฟ้องจนกว่าจะออกไป
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของวัด วัดได้แจ้งระงับการต่อสัญญาเช่าให้แก่โจทก์ แล้วได้ตกลงให้จำเลยเช่าที่ดินจากวันโดยตรงโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่เช่าของโจทก์ตามฟ้องโดยให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 11 แขวงบางเวก เขตภาษีเจริญกรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่เช่าดังกล่าว และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 500 บาท นับแต่วันที่ 13 เมษายน 2529 จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจกที่เช่าของโจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทซึ่งขณะที่ยื่นฟ้องมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละห้าพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาที่ก่อให้เกิดสิทธิอยู่บนที่พิพาท ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ขับไล่จำเลย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จำเลยฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ข้ออ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย การเถียงข้อเท็จจริงว่ากรมการศาสนาเจ้าของที่ดินมิได้ต่อสัญญาเช่าแก่โจทก์ การอยู่ในที่เช่าของโจทก์จึงอยู่อย่างละเมิด ซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย

Share