แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลภายใน 15 วันนับแต่วันรับหมายนั้น เป็นคำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 หากจำเลยเห็นว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จำเลยชอบที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อน แล้วใช้สิทธิโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้เพื่อการใช้สิทธิฎีกาในภายหลังเมื่อได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 แล้ว การที่จำเลยฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในทันทีในขณะที่ยังถือว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 (1) ประกอบด้วยมาตรา 247
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งห้าออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ จำเลยทั้งห้าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้แก่โจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้ซื้อทรัพย์ทั้งสองแปลงดังกล่าว
จำเลยที่ 3 ที่ 4 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ส่งสำนวนคืนไปให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยที่ 3 และที่ 4 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ตามคำสั่งศาลชั้นต้นมาวางศาลก่อน
ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า ให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 นำค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันรับหมาย มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ
จำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฎีกา
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางศาลภายใน 15 วันนับแต่วันรับหมายนั้น เป็นคำสั่งที่ศาลชั้นต้นปฏิบัติตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 หากจำเลยที่ 3 และที่ 4 เห็นว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ดังกล่าวไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จำเลยที่ 3 และที่ 4 ชอบที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนแล้วใช้สิทธิโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้เพื่อการใช้สิทธิฎีกาในภายหลังเมื่อได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 แล้วการที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ในทันทีในขณะที่ยังถือว่าคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 เช่นนี้ จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1) ประกอบด้วย มาตรา 247 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 จึงชอบแล้วให้ยกคำร้อง”