คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8794/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.พ.พ. มาตรา 442 ประกอบมาตรา 223 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างมีส่วนประมาท การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมากน้อยเพียงใดต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาทมากกว่าจำเลยที่ 1 โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผิดมากกว่าก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายของโจทก์ได้ จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจึงไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของและผู้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าไฮลักซ์ จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด ยะลาศิริโชติ ได้ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อยี่ห้ออีซูซุ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ยะลาศิริโชติ รถยนต์จำเลยที่ 1 ขับชนรถยนต์กระบะของโจทก์ได้รับความเสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 175,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า เหตุคดีนี้เกิดจากความประมาทของโจทก์ เพราะเมื่อโจทก์ขับรถถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ โจทก์มิได้หยุดรถเพื่อตรวจดูว่ามีรถคันอื่นแล่นผ่านทางร่วมทางแยกดังกล่าวหรือไม่ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทคุ้มเกล้าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยร่วมให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกสิบล้อ แต่ไม่ต้องรับผิดเนื่องจากจำเลยที่ 1 ขับรถโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัย เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยร่วมร่วมกันชำระเงินจำนวน 14,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับจากวันฟ้อง (วันที่ 25 มิถุนายน 2542) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยร่วมฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยร่วมว่า ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายของโจทก์ควรเป็นพับ โดยจำเลยที่ 1 ไม่ต้องมีส่วนรับผิดต่อโจทก์จำนวน 2 ใน 10 ส่วน เป็นเงิน 14,000 บาท เพราะโจทก์เป็นฝ่ายประมาทมากกว่าจำเลยที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 442 ประกอบมาตรา 223 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างมีส่วนประมาท การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมากน้อยเพียงใดต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ แต่เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นฝ่ายประมาทมากกว่าจำเลยที่ 1 โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผิดมากกว่าก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายของโจทก์ได้ จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจึงไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยร่วมฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share