คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดามารดามีรถยนต์บรรทุก 2 คันจอดไว้ที่ถนนเพราะไม่มีที่เก็บมองจากบ้านไม่เห็นรถ บุตรเคยขับรถคันเกิดเหตุไปล้างใกล้ๆกับที่จอด โดยบางครั้งบิดาก็ใช้ ซึ่งแสดงว่าบิดามารดาทราบดีว่าบุตรขับรถยนต์ได้ ทั้งบุตรก็ยังเป็นผู้เยาว์ อายุ 18 ปี อยู่ในวัยคะนองชอบคบเพื่อนเที่ยวเตร่ แต่บิดามารดากลับเก็บกุญแจรถไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ใส่กุญแจ เป็นโอกาสให้บุตรเอากุญแจรถไปได้ และขับรถของบิดามารดาไปทำละเมิดต่อโจทก์ ย่อมถือได้ว่าบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์จึงต้องรับผิดร่วมกับบุตรด้วย

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องจำเลยเป็นใจความว่า กรมที่ดินโจทก์สำนวนแรกเป็นเจ้าของรถยนต์ นายชั้นโจทก์ในสำนวนที่สองเป็นข้าราชการในกรมโจทก์สำนวนแรก จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เยาว์ จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓เป็นบิดาและมารดาของจำเลยที่ ๑ ในวันเกิดเหตุ จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ กลับจากจังหวัดชลบุรีมาตามถนนสายบางนา-ตราดส่วนรถของโจทก์มีนายสมจริงเป็นคนขับ มีโจทก์ในสำนวนที่ ๒ กับผู้อื่นนั่งไปด้วย มุ่งหน้าไปจังหวัดชลบุรี เมื่อถึงกิโลเมตรที่ ๑๕-๑๖ จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาทใช้ความเร็วสูงและกินทางเข้ามาในทางรถของโจทก์เป็นเหตุให้รถที่จำเลยที่ ๑ ขับชนด้านข้างรถโจทก์พลิกคว่ำตกถนนด้วยกันทั้งคู่ รถของโจทก์สำนวนแรกเสียหาย ๓๖,๕๐๐ บาท โจทก์สำนวนหลังได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินหายคิดเป็นเงินค่าเสียหาย ๕๑,๗๖๕ บาทขอให้บังคับจำเลยชดใช้พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า ขณะเกิดเหตุ คนขับรถของโจทก์เป็นฝ่ายประมาทขับรถกินทางเข้ามาชนรถจำเลย จำเลยที่ ๑ มิได้เป็นคนขับนายอี๊ดเพื่อนของจำเลยที่ ๑ เป็นคนขับ เพื่อนของจำเลยที่ ๑ ชวนจำเลยที่ ๑ เอารถของจำเลยที่ ๒ ไปเที่ยว เป็นการเหลือวิสัยที่จำเลยที่ ๒ จะควบคุมได้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ได้ระมัดระวังดูแลตามควรในฐานะเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ ๑ แล้ว โจทก์ไม่ได้เสียหายดังฟ้อง ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าจำเลยประมาทพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ เป็นคนขับรถของจำเลยที่ ๒ และเป็นฝ่ายประมาทขับรถชนรถโจทก์ สำหรับประเด็นที่ว่าจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ ๑ ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลจำเลยที่ ๑ซึ่งเป็นผู้เยาว์หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มีรถยนต์บรรทุก ๒ คัน จอดไว้นอกถนนเพราะไม่มีที่เก็บมองจากบ้านไปที่รถไม่เห็น จำเลยที่ ๑ รับว่าเคยขับรถไปล้างใกล้ ๆ ที่จอด โดยบางครั้งบิดาก็ใช้ แสดงว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ทราบดีว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถได้ จำเลยที่ ๑ อายุ ๑๘ ปี กำลังอยู่ในวัยคะนอง ชอบคบเพื่อนเที่ยวเตร่ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เก็บกุญแจรถยนต์ไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ใส่กุญแจ เป็นโอกาสให้จำเลยที่ ๑ เอากุญแจไปขับรถทำละเมิดต่อโจทก์ ถือได้ว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์ด้วย
พิพากษายืน

Share