แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อนจำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำจึงยิงเอาบ้าง ถือว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 บังอาจใช้ปืนยิงจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2บังอาจใช้ปืนยิงจำเลยที่ 1 โดยมีเจตนาจะฆ่าซึ่งกันและกัน แต่กระสุนปืนที่จำเลยที่ 1 ยิงไม่ถูกอวัยวะส่วนสำคัญของจำเลยที่ 2 กระสุนปืนที่จำเลยที่ 2 ยิงไม่ถูกจำเลยที่ 1 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยทั้งสองต่างต่อสู้ว่ายิงเพื่อป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทั้งสองสมัครใจวิวาทใช้ปืนยิงกันจะอ้างว่าเป็นการป้องกันมิได้ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ให้จำคุกจำเลยคนละ 10 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 คนละครึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 5 ปี
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมัครใจวิวาทใช้ปืนยิงกัน และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ยิงจำเลยที่ 1 ก่อนจำเลยที่ 1 กลัวจำเลยที่ 2 จะยิงซ้ำจึงยิงเอาบ้าง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้สิทธิป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์