แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจุดไฟเผาไม้ที่ตนถางไว้แต่ละเลยเสียมิได้อยู่คอยระมัดระวังให้ไฟดับเสียก่อนไฟจึงไหม้ลุกลามป่าไม้ที่อยู่ใกล้เคียงเสียหาย ถ้าโจทก์ไม่สืบให้เห็นว่าการที่จำเลยจุดไฟเผานั้นมีลักษณอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายไหม้ ลุกลามติดต่อป่าไม้ที่ใกล้เคียงแล้วจำเลยคงมีผิดตาม ม.201 ข้อ 1 วิธีพิจารณาอาชญา ความผิดประเภทเดียวกัน บรรยายฟ้อง โจทก์ขอให้ลงโทษตาม ม.186 ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 201(1) ลงโทษตามมาตรานี้ได้ เพราะ+ความผิดประเภทเดียวกัน พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ พ.ศ.2461 แก้มาก ศาลเดิมลงโทษตามมาตรา +-59 ให้จำคุก ศาลอุทธรณ์แก้ลงโทษตามมาตรา 201 ข้อ (1) จำคุก 3 เดือน เป็น+
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพ.ร.บ.รักษาป่า พ.ศ.๒๔๕๖ ม.๔-๕-๖ แลกฎข้อบังคับข้อ ๑๓-๑๔-๑๖ กับพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณอาชญามาตรา ๔(๑๘๖)
ศาลเดิมฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณอาชญาแก้ไขเพิ่มเติม ม.๕(๑๘๗) ประกอบด้วย ม.๔ (๑๘๖) ให้จำคุก ๑๐ ปีลดตามมาตรา ๕๙ คงให้จำคุก ๕ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๐๑ ข้อ ๑ พิพากษาให้จำคุก ๓ เดือน
ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีนี้ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลเดิมมาก คดีจึงไม่อยู่ในบังคับ พ.ร.บ.ฎีกาอุทธรณ์ ม.๖ ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์แลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยถางป่าไม้ที่ไม่ใช่ไม้ประเภทหวงห้ามเพื่อทำไร่ แล้วจำเลยก็เผาไม้ที่ตนถางแลรอดูอยู่จนไฟโทรมแล้วเหลือแต่ที่คูติดขอนไม้อยู่ จำเลยจึงกลับบ้านรุ่งขึ้นไปดูเห็นว่าไฟไหม้ลุกลามไปติดป่าซึ่งถัดไปทางยอดเขาอันเป็นไม้ฟันจำของหวงห้ามเสียหาย เห็นว่าเมื่อโจทก์สืบไม่ได้ความว่าการที่จำเลยจุดไฟเผาไม้ที่ตนถางนั้นมีลักษณอันพึงน่ากลัว จะเป็นอันตรายไหม้ลุกลาม ติดต่อแก่ป่าไม้ซึ่งอยู่ถัดไป ได้ความแต่ว่าจำเลยประมาทละเลียเสียมิได้ระมัดระวังให้ไฟดับเสียก่อน จึงเกิดลุกลามขึ้นเห็นว่าความผิดของจำเลยต้องด้วย ม.๒๐๑ ข้อ (๑) แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ศาลก็ย่อมลงโทษได้เพราะเป็นความผิดประเภทเดียวกัน ทั้งโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องโดละเอียดแล้วด้วย จึงพิพากษาให้ยืนตามศาลอุทธรณ์