แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องเคลือบคลุมบรรยายฟ้องว่า จำเลยสมคบกันลักสุกรไป 1 ตัวหรือจำเลยได้สมคบกันจับเอาสุกรดังกล่าวแล้วซึ่งเล็ดลอดออกจากคอกแล้วยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยเจตนาทุจจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา 293(11), 294(6) ตอน 2 และ 318 นับว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม.
ย่อยาว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าวันที่ ๗ พฤษภ์. ๒๔๘๒ เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจลักสุกรของเรือนจำจังหวัดสมุทรสงครามซึ่งอยู่ในความดูแลเลี้ยงรักษาของนายสงค์ไป ๑ ตัว ราคา ๑๘ บาท หรือจำเลยได้สมคบกันจับเอาสุกรดังกล่าวแล้ว ซึ่งเล็ดลอดออกจากคอกแล้วยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยเจตนาทุจจริต ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๓(๑๑), ๒๙๔(๖) ตอน ๒ และ ๓๑๘
จำเลยต่อสู้ว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายกฟ้อง.
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม จึงพิพากษายืนตามให้ยกฟ้องโดยไม่ต้องชี้ข้อเท็จจริง.
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงในฟ้องตอนต้นว่าจำเลยกระทำการลักทรัพย์ แล้วในตอนปลายบรรยายว่า จำเลยทุจจริตยักยอกทรัพย์สิ่งเดียวกันนั้น จำเลยจึงต่อสู้ว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม เห็นว่าฟ้องดังนี้มิได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำลงพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อกล่าวหาของโจทก์ว่าจำเลยได้กระทำอะไรจึงจะเป็นผิดตามมาตราที่อ้างท้ายฟ้อง แต่กลับกล่าวข้อเท็จจริงว่าจำเลยลักทรัพย์นั้นไปหรือทุจจริตยักยอกทรัพย์นั้น ซึ่งขัดกันอยู่ในตัว ที่ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องตามวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๖๑ นั้นชอบแล้วจึงพิพากษายืนตาม.