คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกหนี้นำเงินมาชำระให้แก่เจ้าหนี้โดยได้ทำการสลักหลังสัญญากู้เงินรับชำระหนี้ลงลายมือชื่อเจ้าหนี้ลูกหนี้และพะยานกันแล้ว และลูกหนี้ได้เอาเงินออกมานับเห็นถูกต้องแล้วก็ยื่นส่งให้แก่เจ้าหนี้ ขณะนั้นจำเลยก็ชิงเอาไปดังนี้ ถือว่ากรรมสิทธิ์ในเงินนั้นผ่านมือมายังเจ้าหนี้แล้ว จำเลยมีผิดฐานชิงทรัพย์ของเจ้าหนี้ หาใช่ชิงทรัพย์ของลูกหนี้ไม่

ย่อยาว

จำเลยที่ ๓ เอาเงินไปชำระหนี้เงินกู้ให้แก่เจ้าทรัพย์ที่บ้านเจ้าทรัพย์ จำเลยที่ ๑,๒,๔ ได้ไปด้วย จำเลยที่ ๓ เอาเงินมาไม่ครบจำนวนหนี้ที่กู้ จึงได้มีการสลักหลังหนังสือสัญญากู้กัน เมื่อสลักหลังและอ่านข้อความแล้วจำเลยที่ ๓ ก็ลงชื่อเป็นผู้ชำระเงินแล้วจำเลยที่ ๑ เซ็นชื่อเป็นพะยานแล้วต่อมาจำเลยที่ ๒ กับผู้มีชื่อก็เซ็นชื่อเป็นพะยาน ต่อจากนั้นเจ้าทรัพย์จึงพิมพ์ลายมือชื่อลงไป เสร็จแล้วจำเลยที่ ๔ จึงส่งเงินที่ห่อกระดาษให้จำเลยที่ ๓ ๆ ก็เอาธนบัตรออกมานับวางลงที่พื้นกระดาน ๑๘๐ บาทนับแล้วจำเลยที่ ๓ ก็รวบธนบัตรนั้นจะส่งให้แก่เจ้าทรัพย์ ๆ เอื้อมมือจะรับ ทันใจจำเลยที่ ๑ ซึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ห่างจำเลยที่ ๓ สักคืบกว่า ๆ ก็คว้าเอาธนบัตรนั้นไปแล้วพูดขึ้นทันที่ว่า “เงินนี่ฉันเอาละ” ทันใดนั้นเจ้าทรัพย์ก็ตะครุบแย่งเงินที่มือจำเลยที่ ๑ แล้วพูดว่า “เงินเอามาให้ฉันเถอะ” แต่ตะครุบแย่งไม่ได้ แล้วจำเลยที่ ๑ ลุกขึ้นชักมีดออกจากพุงทำท่าจะจ้วงแทน เจ้าทรัพย์จะเข้าไปแย่งเงินอีก แต่บุตรสาวห้ามไว้เจ้าทรัพย์จึงไม่เข้าแย่ง แล้วจำเลยที่ ๑ ก็ลงเรือนไป ต่อมาจำเลยที่ ๒ ก็ไปแล้วจำเลยที่ ๓-๔ จึงไปทีหลัง จำเลยที่ ๓
พูดว่าเงินนี้หมดเรื่องของฉันแล้ว จะมาทวงฉันอีกไม่ได้ ดังนี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามกฎหมายอาญา ม.๒๙๙ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเงินยังเป็นของจำเลยที่ ๓ อยู่ จะเป็นของเจ้าทรัพย์ต่อเมื่อได้ส่งมอบกันเสร็จแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความซึ่งต่างกับฟ้องที่ว่า จำเลยชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์จึงพิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้ว่าเงินจำนวนนี้ได้มีการส่งมอบกันแล้วเพราะจำเลยที่ ๓ ได้นับเงินเสร็จกอบให้และยังได้ลงชื่อใบสลักหลังสัญญาว่าชำระเงินเสร็จ ทั้งยังได้พูดว่าเงินนี้หมดเรื่องของจำเลยแล้ว จะมาทวงอีกไม่ได้ แสดงว่าจำเลยที่ ๓ ถือว่าการส่งมอบนั้นสมบูรณ์ทั้งเจ้าทรัพย์ก็ว่าได้รับมอบเงินแล้ว จึงพิพากษากลับ ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น.

Share